ไม่ทราบว่าจะบาปไหม
ผมไปซื้อของมือสองมาชิ้นหนึ่ง มานั่งคิดดูว่า ถ้าเกิดเขาไปขโมยมาขาย แล้วผมไปซื้อมา ทำให้ผมบาปหรือเปล่า ครับ ช่วยตอบหน่อย
ควรทราบว่าบุญหรือบาปอยู่ที่จิต ถ้าจิตเป็นอกุศล การกระทำทางกาย วาจา ใจ ที่ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน เป็นบาป ในกรณีซื้อของมือสอง ถ้ารู้ว่าเขาขโมยมาก็ไม่ควรซื้อ หรือถ้าสงสัย ทำให้ไม่สบายใจก็ไม่ควรซื้อ ส่วนสิ่งใดที่ซื้อมาแล้วด้วยความไม่รู้ ถ้าเจ้าของทรัพย์มาทวงว่าเป็นของของเขาที่ถูกขโมยมา เราต้องคืนเจ้าของเขาไป
เก็บไว้เป็นบทเรียนนะคะ ที่แล้วก็แล้วไป ไม่ต้องตะขิดตะขวงใจ ถึงยังไง ก็อย่าประมาทอีกก็แล้วกัน
ขณะที่หลงลืมสติ ขณะนั้นก็ประมาทแล้ว วันหนึ่งๆ จะนับได้ไหมครับว่าประมาทกี่ครั้ง นับไม่ได้เลยใช่ไหมครับ เพราะไม่รู้ขณะจิตว่า ผ่านไปแล้วกี่แสนโกฏิขณะ ด้วยเหตุนี้เราก็จะเห็นถึงความที่เป็นธรรมดาของปุถุชน ผู้มีปรกติหลงลืมสติบ่อยๆ ดังนั้น จึงควรที่จะเห็นโทษภัยของอกุศลกรรมว่า ทำให้ไม่สบายใจเลย แล้วก็เจริญกุศลทุกประการบ่อยๆ เนืองๆ เท่าที่จะมีโอกาส โดยเฉพาะการฟังและสนทนาพระธรรมที่เป็นการเจริญความเห็นถูก คือปัญญาครับ
อกุศลกรรมที่เกิดขึ้นเพราะความไม่รู้ ก็ไม่ควรจะเดือดร้อนใจ หรือทุกข์ใจไปกับสิ่งที่ล่วงผ่านไปแล้ว แต่ก็ไม่ควรจะยินดีพอใจที่จะกระทำต่อไปอีก ควรตระหนักเสมอถึงโทษภัยในอกุศลทุกประการ มีเจตนาที่จะงดเว้น โดยไม่คิดจะกระทำอย่างนั้นอีกในภายหลัง การสั่งสมความเป็นผู้ที่ตรงต่อ "กุศล" และ "อกุศล" ที่เกิด เป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะเหตุว่า ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นธรรมะ บาปก็เป็นธรรมะ รวมไปถึง "บาป" ก็ไม่ใช่เรา แต่การจะเห็นถูกอย่างนี้ได้ ต้องอาศัยการเจริญปัญญา และอบรมบารมีทุกประการ เพื่อขัดเกลาอกุศลในชีวิตประจำวันของตัวเราเองให้เบาบางลงไป เพื่อเป็นปัจจัยให้ พอถึงเวลาที่คิดจะกระทำอกุศลกรรมจริงๆ ถ้าหิริ โอตตัปปะ เกิดพร้อมกับปัญญา ด้วย ก็จะสามารถถอยกลับจากอกุศลนั้นๆ ได้ทันที เพราะเล็งเห็นความร้ายกาจ ของอกุศลกรรมว่า แม้นยังไม่ให้ผลก็ยังทำให้เดือดร้อนใจ ทุกข์ใจ ได้ถึงขนาดนี้ หาก เมื่อถึงกาละที่จะให้ผล ก็ย่อมแสนจะเผ็ดร้อน เป็นอกุศลวิบากที่นำมาซึ่งภัยใหญ่ คือ การไปสู่อบายภูมิเปรียบเหมือนกับเราเป็นนักโทษที่ถูกมัดมือ มัดเท้า ปิดหู ปิดตา ถูกราดน้ำมันท่วมตัวแล้วมีเพชรฆาตกำลังลากให้เข้าไปใกล้กองไฟทีละก้าวๆ เพื่อให้ ไฟเผาตัวเราเอง ไม่คุ้มค่าเลยจริงๆ ครับ