เรียนถามเกี่ยวกับ พระโสดาบันปิดประตูอบาย
เราทราบกันดีว่าพระโสดาบันบุคคล ชื่อว่าได้ปิดประตูอบายแล้ว ไม่มีการล่วงศีล ๕ อีก หากกล่าวโดยสังโยชน์ ๑๐ พระโสดาบันบุคคลละแล้วซึ่งสังโยชน์เบื้องต้น ๓ และจากเนื้อหาในพระอภิธัมมัตถสังคะ (ปริจเฉทที่ ๙) ซึ่งขอยกมาบางตอน ...กล่าวโดยอกุสลกรรมบถ ๑๐ นั้น
พระโสดาบัน ประหาน ปาณาติปาต อทินนาทาน กาเมสุมิจฉาจาร มุสาวาท และมิจฉาทิฏฐิ
พระสกทาคามี ไม่ได้ประหานอกุศลกรรมบถที่เหลือนั้นเป็นสมุจเฉทเพิ่มขึ้นอีก เป็นแต่ได้กระทำอกุศลกรรมบถ ที่เหลือนั้นให้เบาบางลงไป ซึ่งเรียกว่า ตนุกรปหาน
พระอนาคามี ประหาน ปิสุณาวาจา ผรุสวาจาและพยาบาท ลงได้อีก
พระอรหันต์ ประหานอกุศลกรรมบถที่เหลืออีก ๒ คือ สัมผัปปลาป และอภิชฌา
ที่อยากเรียนถาม คือ ในอกุศลกรรมบททั้ง ๑๐ นั้น สามารถให้ผลในขณะปฏิสนธิกาลได้ จึงสามารถให้ผลเกิดในอบายได้อยู่ เช่นนี้แล้ว การที่พระโสดาบันยังไม่ได้ละ อกุศลกรรมบทที่เหลืออีก ๕ หากเข้าใจตามนี้ก็เสมือนว่า น่าจะยังมีเหตุให้เกิดในอบายได้ จึงใคร่ขอความกรุณาอธิบายในส่วนนี้ด้วยครับว่า ที่ว่าปิดประตูอบายนั้นอย่างไร ครับ เพราะพระโสดาบันไม่ล่วงศีลทั้ง ๕ อีก แต่ก็ยังไม่ได้ละอกุศลกรรมบทที่เหลืออีก ๕ ครับ
ขอบพระคุณมากครับ
เมื่อกล่าวถึงอกุศลกรรมบถ ๑๐ พระอริยบุคคลท่านประหารได้ เป็นสมุจเฉทตามลำดับแห่งมรรค พระโสดาบันบุคคลท่านประหาร ปาณาติปาต อทินนาทาน กาเมสุมิจฉาจารมุสาวาท และมิจฉาทิฏฐิ รวมเป็น ๕ ข้อ และท่านยังประหานกิเลสส่วนหยาบอันจะนำไปสู่อบายภูมิ ในอกุศลกรรมบถที่เหลืออีก ฉะนั้นอกุศลส่วนหยาบที่เป็นปัจจัยให้เกิดในอบายภูมิ พระโสดาบันบุคคลท่านละได้ทั้งหมดแล้ว อนึ่งในอรรถกถาบางแห่งแสดงว่า พระโสดาบันท่านละอกุศลกรรมบถได้ ๖ ดังข้อความใน อรรถกถา ปเจตนสูตร ว่า
อนึ่ง พึงทราบการละความคดทางกายเป็นต้น ดังต่อไปนี้ ก่อนอื่นอกุศลกรรมบถ ๖ ข้อเหล่านั้น คือ ปาณาติบาต อทินนาทาน มิจฉาจารมุสาวาท ปิสุณาวาจา มิจฉาทิฏฐิ พระอริยบุคคล ย่อมละได้ด้วยโสดาปัตติมรรค สองอย่างคือ ผรุสวาจา พยาบาท จะละได้ด้วยอนาคามิมรรค สองอย่าง คือ อภิชฌา สัมผัปปลาปะ จะละได้ด้วยอรหัตตมรรค
อนุสัยกิเลส คือ กิเลสที่นอนเนื่องอยู่ในจิต เป็นกิเลสอย่างละเอียด ปริยุฏฐานกิเลส คือ กิเลสที่กลุ้มรุมจิตใจ เช่น นิวรณธรรมต่างๆ ความติดข้องในกามคุณ ฯลฯ ยังไม่ถึงกับล่วงศีล หรือล่วงทุจริตกรรมออกมาทาง กาย วาจา เป็นกิเลสอย่างกลาง วีติกกมกิเลส คือ กิเลสที่มีกำลัง ถึงขั้นล่วงศีล หรือล่วงทุจริตกรรมออกมาทางกาย วาจาเป็นกิเลสอย่างหยาบ อยากให้ช่วยขยายความ กิเลสส่วนหยาบหรืออกุศลส่วนหยาบในอกุศลกรรมบถที่เหลือ ว่าหมายถึงอย่างไร หมายถึงวีติกกมกิเลสหรือไม่ครับ หากพระโสดาบันละวีติกกมกิเลสแล้ว ก็ย่อมไม่กล่าวผรุสวาจา แต่พระโสดาบันยังละอกุศลกรรมบถที่เหลืออีก ๕ (หรือ ๔) ยังไม่ได้ ดังนั้น หากเข้าใจตามนี้ ก็เข้าใจว่าคือยังอาจมีการกล่าวผรุสวาจาออกมาได้ จึงอยากให้ช่วยอธิบายเพิ่มเติมตรงส่วนนี้อย่างละเอียดด้วยครับ
ขอบคุณมากครับ
กิเลสส่วนหยาบ หมายถึงกิเลสที่จะนำไปสู่อบายภูมิ คือพระโสดาบันท่านย่อมไม่มีอกุศลที่หยาบเหมือนปุถุชน เช่น ท่านกล่าวผรุสวาจาได้เพราะยังดับโทสะยังไม่ได้ แต่จะไม่พูดหยาบมากเหมือนกับปุถุชน
ขอบคุณครับ
๑. เช่นนั้นแล้ว หมายความว่า การที่พระโสดาบันอาจมีการล่วงผรุสวาจาอยู่บ้าง (หยาบน้อย) เพราะโทสะนั้นย่อมเบาบางกว่า ไม่รุนแรงอย่างปุถุชน แม้เป็นการล่วง อกุศลกรรมบถ เพราะได้ มีการกล่าวผรุสวาจาออกมาแล้ว (แต่หยาบน้อย) กำลัง ของอกุศลนั้นจึงอ่อน ไม่มีกำลังพอถึงขั้นที่จะให้ผลปฏิสนธิกาลในอบายภูมิ เข้าใจ เช่นนี้ถูกหรือไม่ครับ
๒. เท่ากับว่า วีติกกมกิเลส อันเป็นกิเลสอย่างหยาบ ที่ถึงขั้นล่วงอกุศลกรรมบถนั้น ก็มีกำลัง ต่างๆ กันไป มีทั้งที่มีกำลังมาก หยาบมาก และที่มีกำลังน้อยหยาบน้อยไป ตามลำดับ หากเป็น ปุถุชนก็อาจจะยังมีวีติกกมกิเลสในขั้นหยาบมากอยู่ ส่วนพระ โสดาบัน วีติกกมกิเลส ก็ยังชื่อว่า ยังมีอยู่ (จึงมีการล่วงผรุสวาจาออกมาได้) แต่เป็น วีติกกมกิเลสที่มีกำลังน้อย เบาบางกว่า ปุถุชน เข้าใจเช่นนี้ถูกหรือไม่ครับ