สติกับการรู้

 
บ้านธัมมะ
วันที่  25 ต.ค. 2550
หมายเลข  5229
อ่าน  1,214

โดย : THANEEBOONNAK ส่งถึงบ้านธัมมะ .....วันที่ : 24-10-2550

การเข้าใจสภาพธรรมตามความเป็นจริงก็เป็นของที่ยากอยู่แล้ว แต่การที่เรา จะปฏิบัติตามให้ได้ในสิ่งที่เรารู้หรือเริ่มจะรู้ขึ้นมาบ้าง มันยากยิ่งกว่า เพราะบางครั้ง ใจมันไม่ยอมรับทั้งๆ ที่เรารู้ว่าสิ่งนั้นไม่เกิดประโยชน์อะไรและไม่เป็นกุศล เป็นเพียงแค่ แก้ทุกข์ชั่วคราวในขณะนั้นเท่านั้น หรือเป็นเพราะอุบายในใจไม่แยบคายพอ หรือยังเจริญไม่มากและเพียงพอ

อนึ่งผมเริ่มศึกษาธรรมะอย่างจริงจังมาตั้งแต่ปี ๓๕ ตอนนี้พยายามเจริญสติให้มากๆ อยู่และยังมีหน้าที่แนะนำเรื่องของธรรมะที่ตนเองได้ศึกษาและเข้าใจบ้างให้ผู้ร่วมงานได้เกิดแง่หรือมุมมองในชีวิต เพื่อจะได้เกิดจุดเปลี่ยนของชีวิตของคนบาง คนที่เขาอาจจะมีอุปนิสัยมาทางนี้บ้าง เนื่องจากผู้บังคับบัญชาเป็นคนสนใจทางนี้ จึงทำให้มีกิจกรรมทางนี้ในช่วงก่อนเวลารับประทานอาหาร ผมก็ทำได้แต่เพียงพยายามศึกษาให้มาก เจริญให้มากๆ และไม่เอาสิ่งที่ไม่ใช่พระธรรมหรือกล่าวตู่ว่าเป็นพระธรรมไปแนะนำคนอื่น จากคนที่เคยห่ามๆ ในอดีตตอนที่เป็นวัยรุ่นก็กลายเป็นคนทางธรรมได้ อยากได้คำแนะนำและกำลังใจจากสหายธรรมทั้งหลายทั้งปวงด้วย


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
ตุลา
วันที่ 25 ต.ค. 2550

ขอกราบบูชาคุณพระรัตนตรัย

เห็นด้วยกับคุณค่ะ... หลายครั้งที่ปัญญาเกิดขึ้นตามไม่ทันเหตุการณ์ในชีวิตประจำวัน จึงตกเป็นทาสของกิเลสและอกุศลอยู่บ่อยๆ แต่พอคิดได้ก็เริ่มต้นพยายามใหม่ ค่ะ ตัวเองเพิ่งจะศึกษาและมีความรู้ที่น้อยมาก (น้อยมากจริงๆ ค่ะ) แต่ก็จะพยายาม เพราะเป็นบุคคลหนึ่งที่มีจุดเปลี่ยนของชีวิตที่มาศึกษาธรรมะตามแนวทางที่ถูกต้องนี้ค่ะ พร้อมทั้งโชคดีที่มีพี่สาว-น้องชายและสหายธรรมคอยเกื้อกูล ถ้าคุณเป็นบุคคลที่มั่นคงในการที่จะศึกษาธรรมะตามแนวทางที่ถูกต้องนี้ เชื่อได้เลยค่ะว่า คุณจะได้สะสมสิ่งที่ดีและปัญญาเพิ่มขึ้นเพราะคุณมีพื้นฐานที่ดีและยังมีหน้าที่แนะนำ เรื่องของธรรมะที่ตนเองได้ศึกษามานาน เพื่อเกื้อกูลคนอื่นๆ อยู่แล้วค่ะ

ขออนุโมทนาในกุศลจิตด้วยค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
ครูโอ
วันที่ 25 ต.ค. 2550

ใครที่เขาบอกว่า "ตัวตนของเขาเป็นคนอย่างนี้...ใครจะมาเปลี่ยนตัวเขาไม่ได้" ย่อมไม่รู้เลยว่า ตนเองกำลังประมาทในการเจริญกุศล เพราะไม่อาจจะเห็นภัยในอกุศลที่เกิดอยู่แทบทุกขณะได้ การคิดแบบนี้จะยิ่งขวางกั้น "การเห็นคุณของการเจริญปัญญาให้เห็นถูก" มากยิ่งขึ้น เพราะถ้าเป็นปัญญาจากการศึกษาพระธรรม ผู้ศึกษาย่อมรู้ชัดว่า มีทั้งอกุศลที่รู้จักเพียงชื่อครบทุกตัว รวมถึงอกุศลตัวจริงที่ยังรู้จักไม่ทันเพราะสติไม่ไวพอ ก็ยังมีอีก และยังมีอีก ตราบใดที่ยังมีกิเลส ก็ย่อมมีปัจจัยให้อกุศลเกิดได้อีกเรื่อยๆ

เพราะฉะนั้น ถ้าใครมาบอกเราว่า "คุณทำไมเป็นคนอย่างนี้ เป็นคนแย่จริงๆ เลย" ก็ยอมรับและพร้อมที่ปรับตัวด้วยความจริง ว่า "ถูกครับ จริงครับ มันแย่จริงๆ ครับ" (แต่เป็นอกุศลธรรมที่แย่ครับ เกิดกับจิตเมื่อไร แย่ทันที แต่ตัวผมโดยสมมติมันก็แย่เพราะอกุศลจิตมันทำให้รูปที่เกิดแย่เพราะกระทำอกุศลกรรมทางกาย วาจาให้คนอื่นเห็นแล้วไปคิดแย่ๆ แต่ที่แท้โดยปรมัตถ์ มันก็แย่เพียงแค่ชั่วขณะอกุศลธรรมเกิดดับครับ)

ผู้ที่เคยเข้าใจว่านิสัยใจคอที่แย่ๆ เป็นเรื่องที่เปลี่ยนไม่ได้ ก็จะหลุดไปจากความยินดีพอใจในอกุศลไม่ได้ จนกว่าจะได้เข้าใจพระธรรม แล้วสั่งสมปัญญา และเป็นผู้ไม่ประมาทในการขวนขวาย ที่จะเจริญกุศลทุกประการที่มีโอกาสทุกเมื่อครับ

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
khampan.a
วันที่ 25 ต.ค. 2550

ขอเป็นกำลังใจให้ทุกๆ ท่านในการศึกษาพระธรรมเพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูกตรงตามที่ พระผู้มีพระภาคได้ทรงแสดงไว้ มา ณ ที่นี้ด้วยครับ ธรรมะเป็นสิ่งที่เข้าใจยาก แต่ก็ไม่เหลือวิสัยที่จะรู้ได้ เพราะธรรมะเป็นสิ่งที่มีจริง ฉะนั้น ความเข้าใจถูก ความเห็นถูก จึงเป็นการรู้ความจริงตรงตามสภาพลักษณะของปรมัตถธรรมแต่ละอย่างๆ

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
ตุลา
วันที่ 26 ต.ค. 2550

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
อิสระ
วันที่ 26 ต.ค. 2550
ขออนุโมทนาและเป็นกำลังใจให้ครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
medulla
วันที่ 26 ต.ค. 2550
ขอบพระคุณมากค่ะ ขออนุโมทนาค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
lichinda
วันที่ 27 ต.ค. 2550

ขณะสติเกิด มีตัวคุณเข้าไปรู้ไหมครับ สติกับตัวคุณเป็นอันเดียวไหมครับ ขณะสติไม่เกิด มีคุณเข้าไปรู้ไหม ความเข้าใจที่เกิดกับคุณ ตัวคุณ กับความเข้าใจที่เกิดกับคุณเป็นสิ่งเดียวกันหรือไม่ใช่สิ่งเดียวกันใช่ไหม มีสิ่งหนึ่งต่างหาก ที่ทำให้คุณรู้ หรือไม่รู้ สภาพธรรมตามความเป็นจริง สิ่งนั้นไม่ใช่สติ เพราะสติทำให้รู้ทัน แต่ที่ไม่รู้ทัน คุณก็รู้ว่าคุณไม่รู้ทัน ที่ว่าคุณรู้ว่า ทันไม่ทันนั้นเป็นอะไร ทั้งหมดนี้ผมสนทนากับคุณ ผมก็ไม่ใช่ผู้สามารถแสดงธรรมได้ ยังมีความสงสัย อยู่ครับ

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
เบน
วันที่ 30 ต.ค. 2550

เพียรมาก พยายามมากไป ก็ต้องผิดหวังและท้อ เพราะเป็นปกติที่วิริยะไม่ได้เกิดกับกุศลจิต ขณะใดที่วิริยะประกอบกับปัญญาเจตสิกก็เบาสบาย ไม่มีตัวเราที่หนักและเริ่มท้อ หนทางเดียวไม่มีหนทางอื่น ก็ต้องเป็นแบบนี้ท้อบ้างปลอดโปร่งบ้าง ตามการสะสม แต่ชีวิตนี้แสนสั้น ทุกอย่างไม่มีเครื่องหมาย เวลาแห่งความเพียรและเวลาแห่งการแสวงหาที่พึ่งที่แท้จริง คือความเข้าใจ และโอกาสเจริญกุศลทุกประการในชีวิตประจำวันก็ยังกระทำได้น้อยเหลือเกิน ชาติต่อไปก็จะมาอีกไม่นาน จะไปไหนเป็นอะไรก็ไม่มีใครรู้ จะมีโอกาสได้ยิน ได้ฟังคำสอน ที่ทรงพระมหากรุณาคุณอย่างยิ่งที่ทำให้เราได้รู้จักตัวเราเองทุกขณะนี้หรือเปล่า ก็คงไม่มีใคร ตอบได้ มีประโยคหนึ่ง ฟังแล้วเก็บมาฝาก ขอให้มีความสุขในการทำความดี

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
yu_da2554hotmail
วันที่ 13 ธ.ค. 2565

ยินดีในกุศลจิตของทุกท่านค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ