คำตำหนิของบุคคลอื่น ควรเป็นสิ่งที่ทำให้ขันติบารมีเจริญ
ข้อความตอนหนึ่งจากพระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย จริยาปิฎก มหิสราชจริยา มีว่า "บุคคลผู้มีปัญญา อดกลั้นคำดูหมิ่น ในเพราะของคนเลว คนปานกลาง และคนชั้นสูง..." ไม่ว่าจะได้รับกระทบจากบุคคลหนึ่งบุคคลใดที่เป็นคนเลว คนปานกลาง หรือว่าคนชั้นสูง ถ้าเป็นผู้มีปัญญาแล้ว ย่อมจะอดกลั้นคำดูหมิ่นได้ทั้งหมด ไม่ว่าจากใครก็ตาม ไม่ใช่เฉพาะบางบุคคลแต่ต้องทั่วไปหมด เพราะเหตุว่าบางคนอาจจะคิดว่าถ้าเป็นคนชั้นสูงก็อดกลั้นได้ แต่ถ้าเป็นคนชั้นต่ำหรือเป็นคนเลวก็อดกลั้นคำพูดของบุคคลเหล่านั้นไม่ได้ แต่ในความเป็นจริงแล้วทุกบุคคลควรเป็นสิ่งที่ทำให้ขันติบารมีเจริญขึ้น
อดทนในพิษของคำพูดชั่ว และอดทนที่จะไม่เพลิดเพลินยินดีไปกับคำพูดที่สรรเสริญเยินยอ
ขออนุโมทนาครับ
........บุคคลผู้มีปัญญา มีปรกติเจริญสติปัฏฐาน๔ พิจารณาอารมณ์ทั้งทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ทั้งอารมณ์อันเป็นที่ชอบใจและไม่ชอบใจ พิจารณาเห็นโดยความเป็นไตรลักษณ์ในรูปขันธ์นามขันธ์ทั้งหลาย ...... ย่อมคลายความยึดมั่นถือมั่นโดยความตัวตนเป็นเราเป็นเขา ของเราของเขาได้ด้วยปัญญาที่รู้เห็นสภาพธรรมทั้งหลายตามความเป็นจริง.......เป็นผู้ที่ไม่หวั่นไหวต่ออารมณ์ต่างๆ ที่มากระทบไม่ว่าจะเป็นอารมณ์ที่ชอบใจหรือไม่ชอบใจก็ตาม......จึงดำรงความเป็นปรกติอยู่ได้โดยที่ไม่รู้สึกว่าต้องอดต้องทนด้วยปัญญา.......
...จึงดำรงความเป็นปรกติอยู่ได้โดยที่ไม่รู้สึกว่าต้องอดต้องทนด้วยปัญญา...
ขออนุโมทนา