ที่สุดของโลก
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น
พระสุตตันตปิฏก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค
โรหิตัสสสูตร
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ดูก่อนผู้มีอายุ ณ โอกาสใด บุคคลไม่เกิด ไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่จุติ ไม่อุบัติ เราไม่เรียกโอกาสนั้นว่า "ที่สุดของโลก" ที่ควรรู้ ควรเห็น ควรบรรลุ ด้วยการเดินทาง ถ้าหากเรายังไม่บรรลุถึงที่สุดของโลกแล้ว ก็จะไม่กล่าวการกระทำ "ที่สุดทุกข์" ก็แต่ว่า เราบัญญัติโลก เหตุให้เกิดโลก การดับของโลก และทางให้ถึงความดับโลก ในเรือนร่าง มีประมาณวาหนึ่งนี้ และพร้อมทั้งสัญญา พร้อมทั้งใจครอง แต่ไหนแต่ไรมา ยังไม่มีใคร บรรลุถึงที่สุดโลก ด้วยการเดินทาง และเพราะที่ยังบรรลุถึงที่สุดโลก ไม่ได้ จึงไม่พ้นไปจากทุกข์ เหตุนั้นแล คนมีปัญญาดี รู้แจ้งโลกถึงที่สุดโลกได้ อยู่จบพรหมจรรย์แล้ว รู้ที่สุดโลกแล้ว เป็นผู้สงบแล้ว จึงไม่หวังโลกนี้และโลกอื่น
ทางให้ถึงที่สุดของโลกไม่ใช่ด้วยการเดินทางอยู่ในโลก หรือด้วยการเจริญรูปปัญจมฌานเพื่อให้ไปเกิดในอสัญญสัตตาพรหมภูมิที่ไม่มีนามปฏิสนธิ แล้วไม่ต้องเจ็บ ไม่ต้องรู้สึก ไม่ต้องรับผลของกรรมหลังเกิด หรือด้วยการเจริญอรูปฌานเพื่อให้ไปเกิดเป็นอรูปพรหมบุคคลที่มีอายุยืนนาน ไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่ทรมาน เพราะไม่มีรูปปฏิสนธิ แต่ต้องเป็นทางที่จะให้สามารถหลุดพ้นไปจากโลก ดับกิเลสเป็นสมุทเฉท สิ้นสุดสังสารวัฏฏ์จริงๆ ซึ่งพระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้แล้ว ทรงแสดงพระธรรมเทศนาโปรดเวไนยสัตว์ให้เกิดปัญญา เจริญอบรมสั่งสมกองกุศลบารมีให้ถึงฝั่งพระนิพพานครับ
ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
หากเข้าใจความจริงว่าโลก คืออะไรด้วยปัญญา ย่อมถึงที่สุดของโลกได้ โลกคือสภาพธัมมะที่มีในขณะนี้ที่เกิดขึ้นและดับไป เสียงมีจริง เกิดขึ้นและดับไป เป็นโลกอย่างหนึ่ง เห็นมีจริงเกิดขึ้นและดับไป เป็นโลกอย่างหนึ่ง แต่ยึดถือสิ่งที่มีจริงว่าเป็นเรา เป็นสัตว์บุคคล เป็นเราที่เห็น เป็นเราที่ได้ยินเสียง จึงไม่เข้าใจโลกตามความเป็นจริงว่า เป็นสภาพธัมมะเท่านั้นไม่ใช่เรา จึงไม่สามารถถึงที่สุดของโลกได้ หนทางมีที่ถึงที่สุดของโลก ด้วยการอบรมปัญญาโดยเริ่มจากการฟังให้เข้าใจว่า โลกหรือธรรมคืออะไร คือสิ่งที่มีจริงในขณะนี้ เมื่ออบรมปัญญาไปเรื่อยๆ ต้องเป็นปัญญาเท่านั้น ปัญญานั้นเองจะประจักษ์โลกตามความเป็นจริงและก็ดับเหตุให้เกิดโลกคือกิเลส และถึงที่สุดโลกคือไม่มีโลกที่เกิดดับ คือพระนิพพาน
ขออุทิศกุศลให้สรรพสัตว์