เป็นคนขี้โกรธ ทำอย่างไร ดี?

 
DEEPKUNG
วันที่  27 ต.ค. 2550
หมายเลข  5266
อ่าน  1,990

เป็นคนขี้โกรธ ทำอย่างไร ดี? ขี้รำคาญ ด้วย? จะรู้ตัว ก็โกรธไปแล้ว รำคาญ ไปแล้ว!!! เป็นคนไม่ตอแหล ชอบพูดอะไรตรงๆ ถ้าเห็นใครตอแหลใกล้ก็จะด่า หรือ ใช้คำเสียดสีทันที จะทำอย่างไร หรือฝึกอบรม แก้ไขนิสัยไม่ดีอย่างไร หรืออบรมปัจจัยอะไร เพื่อให้ลดการสะสมอกุศลเหล่านี้ดี

ขอความเห็นด้วย


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
ครูโอ
วันที่ 27 ต.ค. 2550

ฟังธรรมเพื่อเจริญปัญญา แล้วปัญญาก็จะกระทำกิจ เห็นถูกตามความเป็นจริง ว่า "โกรธ" ที่เกิดกับจิต (โทสมูลจิต) เป็นเพียงสภาพธรรมหนึ่งที่มีเหตุปัจจัยจาก "อนุสัย กิเลส" ที่สั่งสมอยู่ในจิต ถ้าไม่มีโลภะที่พอใจในเบญจกามคุณอย่างพระอนาคามี ก็จะไม่มีเหตุปัจจัยให้ต้องเกิดโกรธอีกตลอดไป เพราะฉะนั้น ขณะที่สติระลึกได้ และปัญญาเกิดกระทำกิจรู้ชัดว่า "โกรธ" ไม่ใช่เรา เกิดและดับไปเพียงทีละขณะๆ อันแสนสั้นและรวดเร็วในสังสารวัฏฏ์เท่านั้นเอง ไม่กลับมาอีก หาสาระไม่ได้ ที่จะไปยึดจิตโกรธที่ดับไปว่าเป็นเรา ทั้งๆ ที่ไม่ใช่เรา เราทำอะไรกับจิตที่ดับไปแล้วไม่ได้เลย ยิ่งคิดจะไปทำ หาวิธีทำด้วยตัวตนก็ยิ่งไม่หายโกรธ และยิ่งจะโกรธบ่อยกว่าเดิมจนสั่งสม เป็นอุปนิสัยที่บุคคลอื่นเห็นแล้วก็ไม่ชอบใจ ขุ่นเคืองใจไปกับเราด้วย เพราะฉะนั้น ก็ศึกษาพระธรรม ฟังพระธรรม เพื่อให้พระธรรมขัดเกลากิเลสในจิตของเราให้เบาบางก่อน แล้วอานิสงส์แห่งการเจริญปัญญาจะทำให้เกิดประโยชน์เกื้อกูลทั้งส่วนตนและผู้อื่นได้ด้วยการเห็นภัยในการมีตัวเรา เห็นโทษของการเกิดอกุศลจิต ตามการสั่งสม

ของปัญญา...

เชิญคลิกฟังครับ -->

พึงละความโกรธ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
แล้วเจอกัน
วันที่ 27 ต.ค. 2550

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

ทำอย่างไรดี ในเมื่อทุกอย่างเป็นธรรม ธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา หมายถึงบังคับบัญชาไม่ได้ เมื่อมีเหตุปัจจัยจึงเกิดขึ้น ความโกรธ เป็นธรรม เป็นธรรมดา เมื่อมีอนุสัยกิเลสที่นอนเนื่อง ยังไม่ได้ดับความโกรธ ก็มีเหตุปัจจัยให้เกิดขึ้น เป็นธรรมดา เดือดร้อนเพราะไม่เข้าใจ และไม่มั่นคงว่าเป็นธรรม เป็นตัวตนจึงเดือดร้อน เข้าใจความจริง และฟังพระธรรมโดยการอบรมเหตุเพื่อขัดเกลากิเลสในชีวิตประจำวัน เช่น การฟังเรื่อง บารมีในชีวิตประจำวัน ซึ่งแสดงถึงกุศลธรรม ประการต่างๆ มีขันติและเมตตา เป็นต้น พร้อมๆ กับเข้าใจความจริงว่าทุกอย่างเป็นธรรม ก็จะเดือดร้อนน้อยลงเพราะเป็นธรรมดาของกุศล ให้เข้าใจว่าเป็นธรรมดา ได้ยินเสียง ยังเกิดขึ้นได้ แล้วความโกรธจะไม่เกิดขึ้นได้อย่างไร ถ้าเหตุปัจจัยพร้อมครับ

ขออุทิศกุศลให้สรรพสัตว์

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
ไตรสรณคมน์
วันที่ 28 ต.ค. 2550

สภาพธรรมปรากฎให้ระลึกศึกษาพร้อมกับสติสัมปชัญญะ ไม่มีตัวตนไปทำอะไรได้ ถ้าสติไม่เกิด สติจะเกิดต้องอาศัยปัจจัย คือการอบรม โดยเริ่มจากการฟังพระธรรมเป็นลำดับแรก แล้วน้อมมาพิจารณาสภาพธรรมที่กำลังปรากฎ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
namarupa
วันที่ 29 ต.ค. 2550

สนทนาธรรมในวันเสาร์ที่ผ่านมา มีหัวข้อธรรมเตือนใจพวกเราไว้ว่า ท่านอาจารย์จะกล่าวอยู่เสมอว่า ชาตินี้ คือชาติหน้าของชาติที่แล้ว และจะเป็นชาติที่แล้วของชาติต่อไป เมื่อเป็นคนที่มักโกรธ ก็เพราะการสะสม เป็นคนขี้รำคาญ ก็เพราะการสะสมเป็นคนชอบเสียดสี ก็เพราะการสะสม ตราบใดที่การฟังพระธรรมและการพิจารณายังไม่พอ ความเข้าใจหรือปัญญาก็ไม่สามารถที่จะลดการสะสมของอกุศลเหล่านี้ได้ ลองไปอ่านหนังสือ บารมีในชีวิตประจำวัน และเมตตา ดูสิคะ อ่านแล้วพิจารณาตาม ไตร่ตรองตามให้ดี เคยได้ยินคำพูดของท่านอาจารย์ที่กล่าวว่า ไม่ว่าผู้นั้นจะเลวแค่ไหน แต่หากเค้ายังฟังธรรมอยู่ ไม่ทิ้งธรรมไปทำอย่างอื่น ผู้นั้นก็ยังโอเคอยู่ อย่างน้อยๆ คุณก็ยังเป็นผู้ที่อยากจะเป็นคนดี อยากแก้ไขในสิ่งที่รู้ตัวเองว่าทำไม่ดี ไม่อยากสะสมอกุศลเหล่านี้ อย่างไรก็ตามกุศลหรืออกุศลก็คือธรรม แล้วก็เป็นอนัตตาด้วย อย่าลืมนะคะ

...ขออนุโมทนาและเป็นกำลังใจให้ค่ะ...

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
แล้วเจอกัน
วันที่ 29 ต.ค. 2550

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
จิต89หรือ121
วันที่ 29 ต.ค. 2550

อบรมเจริญกุศลทุกประการไปเรื่อยๆ ไม่ใช่เพียงแค่ชาตินี้

ไม่ใช่แค่ ร้อยชาติ ...... ล้านชาติ แต่ต้องเป็น กัปป์ๆ

รีบร้อน - เร่งรีบ ก็ไม่ได้

ปล่อยปละ - ละเลย ก็ไม่ได้

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
pamali
วันที่ 24 ก.ย. 2553

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
chatchai.k
วันที่ 16 พ.ค. 2564

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
yu_da2554hotmail
วันที่ 1 ธ.ค. 2565

ยินดีในกุศลจิตค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ