คิดว่าที่มานี้เป็นฉันทะ
สนทนาธรรมที่มูลนิธิฯ
วันที่ 17 มิถุนายน 2550
ถอดเทป โดย
คุณย่าสงวน สุจริตกุล
คุณศิ ถ้าเราคิดว่าที่มานี้เป็นฉันทะ
อาจารย์ ทำไมต้องไปคิดล่ะคะ เราจะต้องไปคิดอะไร เจตสิก ๕๒ มานั่งลำดับ วิริยะมีไหม ผัสสะมีไหม เวทนามีไหม มนสิการมีไหม เป็นเรื่องที่เราจะต้องมาลำดับ หรือเข้าใจถูกต้องว่า ทุกอย่างที่เกิดนี้มีปัจจัยตามควรแก่สภาพธรรมนั้นๆ มิฉะนั้น สภาพธรรมนั้นก็เกิดเป็นอย่างนี้ไม่ได้เลย ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ต้องตามปัจจัยนั้นๆ ให้เห็นความเป็นอนัตตาทั้งหมด จะจากโลกนี้ไป ก็คือว่ารู้ความเป็นอนัตตา พอได้ยินคำว่า อนัตตา ก็สามารถที่จะเข้าใจลักษณะที่มีนั้นเป็นธรรม แต่ละลักษณะซึ่งไม่ใช่ตัวตน
การฟังทั้งหมดค่อยๆ เป็นสังขารขันธ์ปรุงแต่งเกื้อกูล เพราะว่า การที่จะละการยึดถือสภาพธรรมว่า เป็นตัวตนหรือว่าเป็นสิ่งหนึ่ง สิ่งใดยากแค่ไหน ในเมื่อเคยนึกอยู่เสมอ ว่าเป็นสิ่งนั้นสิ่งนี้ที่เที่ยง พอเห็นก็เป็นคน เป็นสัตว์ แต่ถ้าจะเป็นปัญญาคือว่าสามารถที่จะรู้ความจริงว่า ขณะที่มีสิ่งหนึ่งสิ่งใดปรากฎลักษณะที่แท้จริงของสิ่งนั้น ก็คือเป็นธาตุที่สามารถกระทบจักขุปสาท กระทบปสาทอื่นไม่ได้ เมื่อจิตเห็นเกิดขึ้นแล้ว ทั้งจิตเห็นก็ดับ สิ่งที่ปรากฎก็ดับ นี่คือความจริงเป็น ”สัจจญาณ” ซึ่งจะทำให้เกิด “กิจจญาณ” ซึ่งจะทำให้ถึง “กตญาณ” เพราะว่าปัญญาต้องมีหลายระดับขั้น นี่เพียงขั้นฟังให้เข้าใจถูกต้อง เพื่อที่จะได้ไม่ไปทำอย่างอื่น ซึ่งทำแล้วไม่รู้แน่ๆ