ความริษยากับความหวังดี
๑. ความริษยาเป็นกุศลได้ไหม
๒. ความหวังดีเป็นอกุศลได้ไหม
๓. ความริษยาเกิดจากเหตุอะไร
ถ้าความหวังดีเป็นอกุศลจิตได้ ทำไมจึงยังมีความหวังดีเกิดขึ้นได้
๑. ความริษยา (อิสสา) เป็นอกุศลอย่างเดียว
๒. ความหวังดี ความปรารถนาดี (เมตตา) เป็นกุศล
๓. เพราะสะสมมา เพราะยังดับความริษยาไม่ได้ เพราะอารมณ์ที่น่ารัก
[เล่มที่ 14] พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย มหาวรรค เล่ม ๒ ภาค ๒ - หน้าที่ 134
[๒๕๖] ครั้นแล้ว ได้ทูลถามปัญหาต่อไปว่า ข้าแต่พระองค์ผู้นิรทุกข์ก็ความริษยาและความตระหนี่มีอะไรเป็นนิทาน (เค้ามูล) มีอะไรเป็นสมุทัย (เครื่องก่อ) มีอะไรเป็นชาติ (เหตุเกิด) มีอะไรเป็นแดนเกิด ก็เมื่ออะไรยังมีอยู่ ความริษยาและความตระหนี่จึงมี และเมื่ออะไรไม่มีอยู่ ความริษยา และความตระหนี่ย่อมไม่มี.
พ. ขอถวายพระพร ความริษยาและความตระหนี่ มีอารมณ์อันเป็นที่รัก และไม่เป็นที่รัก เป็นนิทาน เป็นสมุทัย เป็นชาติ เป็นแดนเกิด เมื่ออารมณ์อันเป็นที่รักและไม่เป็นที่รักยังมีอยู่. ความริษยาและความตระหนี่ย่อมมี เมื่อไม่มีอยู่ ความริษยาและความตระหนี่ย่อมไม่มี....
ขอบูชาคุณพระรัตนตรัย
๑. ความไม่ริษยาเป็นอกุศลไหม
๒. หวังดีด้วยโลภะเป็นกุศลไหม หวังดีด้วยเมตตาเป็นอกุศลไหม
๓. ถ้าเรารักใคร เราจะริษยาคนนั้นไหม ถ้าเราไม่ชอบใคร คนนนั้นได้ดีจะริษยาได้ไหม ดังนั้น ความริษยาเกิดจากอารมณ์รักและไม่รักเป็นเหตุ รวมทั้งอวิชชา ความไม่รู้ ความหวังดีเป็นอกุศลได้ (โลภะ) แต่เกิดความหวังดีคือ เมตตาได้ เพราะเราไม่ได้สะสมอกุศลมาอย่างเดียวเท่านั้น สะสมฝ่ายกุศลมาด้วย