...คำตอบของชีวิต ๑๖ _ ไม่มีใครหนีกรรมพ้น
จะหนีกรรมหรือจะตัดกรรมก็ทำไม่ได้ทั้งนั้น
หนีกรรม/ ตัดกรรมได้หรือไม่ ไม่มีใครหนีผลกรรมที่ทำไว้แล้วได้ เช่น เมื่อทำกุศลกรรมมาแล้ว ถึงเวลาที่กุศลกรรมจะให้ผล แม้ไม่อยากได้ก็ต้องได้ ไม่อยากรวยก็ต้องรวยอยู่ดีๆ ก็มีคนมาเชิญให้รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แม้ไม่อยากเป็น เขาก็เชิญให้เป็น สำหรับผลของอกุศลกรรมก็โดยนัยเดียวกัน กล่าวคือ แม้ไม่อยากให้เกิดขึ้น ก็ไม่สามารถจะยับยั้งได้ เช่น ได้ประสบอุบัติเหตุร้ายแรงหนักเบาต่างๆ กันไป ตามควรแก่กรรม (อกุศลกรรม) ที่ได้กระทำไว้แล้ว เจ็บป่วยด้วยโรคร้ายต่างๆ หรือลงทุนค้าขายก็ประสบปัญหาขาดทุน ล้มละลาย เป็นต้น บางคนคิดว่าตนเองฉลาด จึงพยายามจะทำความดีลบล้างความชั่วเช่น ได้เงินมาหลายร้อยล้านด้วยการทุจริต คอรัปชั่น ก็นำเงินที่ได้แบ่งไปทำบุญกฐิน ผ้าป่าหรือบริจาคช่วยเหลือคนยากจน ด้วยคิดว่าจะได้หักกลบลบหนี้กันไป แต่โดยสภาพความเป็นจริงแล้ว การให้ผลของกรรมมิได้ปะปนกันเลย กรรมชั่วที่ได้กระทำไปเรียบร้อยแล้ว ก็จะต้องรับผลในส่วนของกรรมชั่วอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่ช้าก็เร็ว ไม่ชาตินี้ก็ชาติหน้า ส่วนกรรมดีที่ได้กระทำก็รอโอกาสที่จะให้ผลต่อไป
แม้พระพุทธองค์ ก็ไม่สามารถจะพ้นจากกรรมที่ได้กระทำไว้แล้วในอดีตชาติ ดังได้ทรงแสดงอกุศลกรรมในอดีตชาติ อันเป็นเหตุให้พระองค์ประสบกับทุกขเวทนาต่างๆ ในพระชาตินี้ ตัวอย่างที่ขอยกมากล่าวในที่นี้คือการที่ต้องบำเพ็ญทุกรกิริยาอยู่ถึง ๖ พรรษา ทรงแสดงบุรพกรรมของพระองค์ ดังข้อความใน อรรถกถา พุทธวรรคที่ ๑ พุทธปาทาน ว่า
“ก็ในกาลนั้นเราได้เป็นพราหมณ์ชื่อโชติปาละ ได้กล่าวกับพระกัสสปสุคตเจ้าว่า การตรัสรู้ของสมณโล้นจักมีมาแต่ไหน การตรัสรู้เป็นของยากยิ่ง เพราะวิบากกรรมอันนั้น เราจึงต้องทำทุกรกิริยามากมายอยู่ที่ตำบลอุรุเวลาถึง ๖ ปี จึงบรรลุพระโพธิญาณ…” ด้วยวิบากกรรมนั้น ทำให้พระองค์ปฏิบัติผิด อันเป็นเหตุให้พระองค์ต้องทุกข์ทรมานพระวรกายอย่างยิ่ง กว่าจะทรงทราบว่าการบำเพ็ญทุกรกิริยาเป็นข้อปฏิบัติที่ผิด และมิใช่หนทางที่จะบรรลุพระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ
ขอเชิญคลิกอ่านตอนต่อไป ...
อ่านหนังสือ กรรม...คำตอบของชีวิต คลิก --> ที่นี่