...คำตอบของชีวิต ๒๒ _ การตั้งจิตไว้ชอบ [๒]

 
chaiyut
วันที่  6 พ.ย. 2550
หมายเลข  5412
อ่าน  1,714

การตั้งจิตไว้ชอบ (๒)

ทุกคนอยากเป็นคนดี เพราะเรารู้ว่าคนดีใครๆ ก็ไม่รังเกียจ คนดีย่อมเป็นที่รัก แต่เราจะอดทนที่จะกระทำความดีได้มาก ได้นานแค่ไหน ในเมื่อเรายังมีจิตที่เต็มไปด้วยอกุศล (กิเลส) คือ มีความรักตน เห็นแก่ตัว ความอิจฉาความริษยา ความแข่งดี ที่เราสะสมมาช้านาน และยังนอนเนื่องอยู่ในจิตทุกขณะ ผู้ที่อบรมจิตมาดี ก็จะมีจิตเมตตาเห็นแก่ประโยชน์สุขของคนอื่นบ้างตามกำลังของความเห็นแก่ตนหรือความรักตน ถ้ารักตนเองมาก ย่อมเห็นประโยชน์ผู้อื่นน้อย ถ้ารักตนเองน้อยลง ก็จะเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมได้มาก

จิตของมนุษย์นั้นไซร้ยากแท้หยั่งถึง ไม่มีใครสามารถทราบจิตของคนอื่นได้จริงๆ มีแต่ตนเองเท่านั้น ที่จะรู้สภาพจิตของตนเอง การกระทำดีของแต่ละคน แม้ภาพภายนอกจะดูว่าผู้นั้นเป็นคนดี แต่เราจะรู้จิตใจที่แท้จริงของเขาหรือไม่ เราไม่สามารถทราบสภาพจิตที่แท้จริงของใครได้ แต่เราสามารถทราบสภาพจิตของเราเองว่าการที่เราทำดีกับผู้อื่น เป็นเพราะหวังผลอะไรหรือไม่ เช่น

• ขยันทำงาน เพราะหวังให้เป็นที่ยกย่องสรรเสริญ• อ่อนน้อมถ่อมตน เพราะหวังให้ผู้บังคับบัญชารัก• ให้ของผู้อื่น เพราะหวังให้ตนเองเป็นที่รักใคร่ หรือหวังได้รับสิ่งหนึ่งสิ่งใดตอบแทน• บริจาคเงินช่วยเหลือสังคมช่วยเหลือการกุศลต่างๆ เพื่อให้คนยกย่องสรรเสริญ• บอกบุญเรี่ยไร เพราะหวังให้ตนเองได้บุญมากๆ • พูดจาอ่อนหวาน ประจบช่วยเหลือกิจการงานของผู้บังคับบัญชาเพราะหวังจะเป็นที่รักใคร่เอ็นดู จะได้มีโอกาสเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงานเป็นพิเศษ• พูดตำหนิการกระทำของผู้อื่น เพราะหวังให้ผู้ฟังเข้าใจว่า ตนเองฉลาดกว่า เก่งกว่า ดีกว่า• จำใจทำดี เพราะเกรงจะถูกตำหนิ หรือกลัวจะถูกลงโทษ (หวังในความปลอดภัย) • ออกกฎระเบียบ ข้อบังคับ หรือออกกฎหมาย เพื่อเอื้อประโยชน์แก่ตน และ/ หรือพวกพ้องของตน เป็นต้น

ความหวังที่แอบแฝงซ่อนเร้นอยู่ในจิตนั้น แท้จริงแล้ว เป็นความรักตนเห็นแก่ตนที่เหนียวแน่น และฝังลึกยากจะถ่ายถอน เป็นอกุศลจิตที่ถ้าไม่มีความเข้าใจธรรมขั้นละเอียดแล้ว จะไม่เห็นเลยว่าเป็นโทษเป็นภัย และขัดขวางการอบรมเจริญบารมีเพื่อถึงฝั่ง (พระนิพพาน) การทำความดีเพราะหวังในผลของการทำความดีนั้นเป็นอกุศล (โลภะ) บางคนอาจจะรู้สึกไม่เห็นด้วยที่กล่าวเช่นนี้ เพราะคิดว่าทำความดีก็ดีแล้ว จะทำดีด้วยมูลเหตุจูงใจอะไร ก็ไม่เห็นจะสำคัญตรงไหน หากเราจะพิจารณาอย่างผิวเผิน ก็น่าจะใช่ แต่หากพิจารณาอย่างรอบคอบแล้ว จะทราบว่าความหวัง ความต้องการทุกชนิดเป็นลักษณะของโลภะ สำหรับผู้ที่ทำความดีเพราะความเกรงกลัวต่างๆ นั้น เป็นอกุศลประเภทโทสะ สำหรับผู้ที่ทำดีและพูดจายกย่องตนเองนั้นเป็นอกุศลประเภทโลภะ สำหรับผู้ที่ทำดีและพูดจายกย่องตนเองนั้น พระพุทธเจ้าไม่ทรงสรรเสริญโดยได้ทรงแสดงธรรมว่า ผู้ทรงบัณฑิตย่อมไม่สรรเสริญตนเอง ดังนั้นจะไม่เป็นการดีกว่าหรือ ถ้าเราจะทำความดี เพราะความดีเป็นสิ่งที่ควรกระทำ ทำความดีด้วยจิตที่มีเมตตา คิดจะช่วยเหลือผู้อื่นด้วยความบริสุทธิ์ใจ ไม่หวังผลตอบแทนใดๆ ทั้งสิ้น

ขอเชิญคลิกอ่านตอนต่อไป ...

กรรมคำตอบของชีวิต

อ่านหนังสือ กรรม...คำตอบของชีวิต คลิก --> ที่นี่


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
พุทธรักษา
วันที่ 9 พ.ย. 2550

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
แมวสีฟ้า
วันที่ 16 พ.ย. 2550

ถ้าไม่ได้ศึกษาพระธรรมวินัยอย่างละเอียด คงไม่ทราบเลยว่า.....ประมาทไม่ได้ แม้แต่การทำความดี

ขออนุโมทนา.

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
chatchai.k
วันที่ 24 ก.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
yu_da2554hotmail
วันที่ 6 ต.ค. 2565

ขออนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ