การฝึกวิปัสสนาสามารถทำได้ยากจริงๆ หรือ
มีกัลยาณมิตรท่านหนึ่งที่ปฏิบัติธรรมมานานท่านฝึกสมถกรรมฐานจนสำเร็จได้รูปฌาน ๔ และสามารถถอดกายในไปที่ต่างๆ ในโลกและสวรรค์ นรกได้ แต่ท่านบอกว่าท่านเคยฝึกวิปัสสนา เพื่อละกิเลสและท่านบอกว่าการจะฝึกวิปัสสนาควรไม่มีงานทางโลกมายุ่งเกี่ยว สรุปก็คือต้องฝึกในฐานะนักบวชจะดีที่สุด ท่านเคยบอกว่าท่านเคยฝึกและเกิดอาการเหมือนโดนธรรมะทดสอบ คือ เกิดภาพหลอนในขณะฝึก และนอนหลับเกิดภาพหลอนเหมือนจริง เช่น มีโจรถือปืนเข้าบ้านมาจะทำร้าย ท่านก็ต้องวิ่งหนีและหาปืนมาต่อสู้ยิงกัน ท่านบอกว่าเหมือนจริงมากๆ จนสุดท้ายท่านก็เลิกฝึกไป
๑. ถามท่านผู้รู้ว่าการฝึกวิปัสสนา ฆราวาสไม่สามารถฝึกได้ใช่มั๊ยครับ
๒. การฝึกสมถกรรมฐาน เป็นธรรมในโลกียะ มีโอกาสที่จะเสื่อมได้ใช่มั๊ยครับ และ เราสามารถฝึกไปพร้อมกับการเรียนปริยัติได้หรือไม่ครับ? ขอขอบคุณและอนุโมทนาบุญแห่งธรรมทานแก่ทุกท่านที่ให้ความรู้ครับ
ทุกท่านที่นั่งฟังอยู่คงอยากจะทราบว่า จะทำวิปัสสนาอย่างไร
วิปัสสนาเป็นการระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่ปรากฏ ขณะที่สติระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมหนึ่งสภาพธรรมใดนั้น สัมมาสังกัปปะคือ วิตกเจตสิก ก็ตรึกคือ จรดในลักษณะของอารมณ์ที่กำลังปรากฏ และปัญญาเริ่มศึกษาพิจารณา ลักษณะที่แท้จริงของสภาพธรรมที่ปรากฏทีละเล็กทีละน้อย จนกว่าความรู้จะเพิ่มขึ้น ความรู้จะเกิดขึ้น และเจริญขึ้นได้จากการพิจารณารู้ลักษณะของสภาพธรรมซึ่งปรากฏในขณะที่สติระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมนั้น ขณะนี้สติจะเกิดขึ้นระลึกรู้ลักษณะของนามธรรมหรือรูปธรรมที่กำลังปรากฏ ทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ ทางหนึ่งทางใดก็ได้ ทีละลักษณะ พิจารณาศึกษารู้ลักษณะของสภาพธรรมนั้นๆ ทีละเล็กทีละน้อย จนกว่าปัญญาจะเพิ่มขึ้น รู้ชัดในลักษณะที่ต่างกันของนามธรรมและรูปธรรม ในที่สุดก็จะชินกับสภาพของนามธรรมและรูปธรรมมากขึ้น เมื่อชินแล้ว ความรู้ลักษณะของนามธรรมและรูปธรรมก็เพิ่มขึ้นอีก ไม่ว่านามธรรมใดรูปธรรมใดจะเกิด ณ สถานที่ใด สติและปัญญาก็สามารถเกิดระลึกรู้ ลักษณะของสภาพธรรมนั้นๆ ในขณะนั้นได้ตามปรกติตามความเป็นจริง การเจริญสติปัฏฐานเป็นการเจริญสติปัญญา ความรู้ใดที่ได้อบรมให้เกิดขึ้นแล้ว ความรู้นั้นก็จะเพิ่มขึ้นและละคลายความไม่รู้ให้ลดน้อยลงไปด้วย
การเจริญวิปัสสนา คือการเจริญอริยมรรคมีองค์ ๘ เป็นธรรมที่นำออกจากวัฏฏะ ซึ่งไม่ได้จำกัดไว้เฉพาะเพศบรรพชิต มิฉะนั้นแล้ว คำสอนของพระพุทธองค์ ก็จะไม่เกื้อกูลแก่เทวดาและมนุษย์ทั้งหลายการปฏิบัติธรรมที่แท้จริง เพื่อการเห็นอริยสัจจะ ไม่ใช่เพื่อให้เห็นนรก สวรรค์ เห็นนั่น เห็นนี่ ซึ่งไม่ใช่หนทางดับทุกข์
ขออนุโมทนาค่ะ พุทธศาสนาเป็นการอบรมเจริญปัญญาให้รู้จักสภาพธรรมะที่มีอยู่จริง เพื่อละคลายกิเลสที่สั่งสมมาเนิ่นนาน โดยเฉพาะรู้ (อกุศล) เพื่อละ (อกุศล) ค่อยๆ รู้ค่อยๆ ละไปทีละขั้นตั้งแต่พระโสดาบัน เรื่อยไปจนถึงพระอรหันต์ ไม่ต้องกลับมารู้สุขรู้ทุกข์อีก ผู้ที่เรียนรู้ ในฌานยังคงต้องกลับมารู้สุขรู้ทุกข์อีก เลือกเอาว่าจะเสียเวลาข่มกิเลสไว้หรือจะรู้จักกิเลส แล้วค่อยๆ ละคลายไปทีละเล็กทีละน้อยตามกำลังของปัญญา ขอแสดงความคิดเห็นเท่านี้ก่อนนะคะ และขอแสดงความยินดีที่ได้รู้จักสหายธรรมผู้ สนใจในการศึกษาธรรมและเจริญปัญญาด้วยการฟังธรรมในเวปไซด์นี้
สาธุ...
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
อบรมปัญญาให้เข้าใจความจริง จะเป็นประโยชน์ทั้งชาตินี้ และชาติต่อๆ ไป กุศลที่ทำได้เสมอๆ คือการฟังพระธรรมที่พระอรหันตสัมมาสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง มีคุณค่ามหาศาลสำหรับชีวิตที่ต้องเดินทางต่อไป อีกแสนไกล และกันดาร
ขอเชิญศึกษาพระธรรม...
รวมลิงก์เมนูต่างๆ ในเว็บไซต์
การที่ได้มีโอกาสศึกษาพระธรรม ฟังพระธรรม ทำให้มีความเข้าใจตามความเป็นจริงว่า ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นเพียงสิ่งที่ปรากฏแล้วก็หมดไป ไม่ว่าจะเป็นทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ จิตทุกขณะเกิดขึ้นแล้วก็ดับไป หมดไป ไม่มีอะไรเหลือเลยจริงๆ จากภพหนึ่งไปอีกภพหนึ่ง ดังนั้น เมื่อเป็นเช่นนี้ สิ่งที่ควรสั่งสมไปทุกภพทุกชาติ นั่นก็คือ กุศล (รวมถึงการอบรมเจริญปัญญา ในชีวิตประจำวันด้วย)