อานิสงส์ หรือ เหตุบังเอิญ

 
oom
วันที่  27 พ.ย. 2550
หมายเลข  5679
อ่าน  2,536

วันนี้ก็ไปใส่บาตรตอนเช้า ซึ่งเป็นกิจวัตรที่ปฏิบัติทุกวัน ยกเว้นวันหยุด ช่วงที่เดินกลับจากการซื้ออาหารเพื่อเตรียมใส่บาตร ระหว่างทางเจอน้องที่เคยนำผลไม้มาขาย มีพวกกล้วย มะละกอ เคยซื้อมะละกอไป มีรสหวานดี อยากซื้ออีก ถามน้องว่าเอามาขาย หรือเปล่า น้องบอกเอาไปขายหมดแล้ว ก็เลยไม่ได้มานั่งรอใส่บาตร พบน้องที่เคยใส่บาตรด้วยกันทุกวัน ก็เอามะละกอมาให้ ดิฉันตอนแรกจะไม่รับ อยากให้น้องเอาไปทานเอง แต่น้องบอกว่าตั้งใจจะซื้อมาฝาก ก็เลยรับไว้และเป็นของเจ้าที่ดิฉันต้องการด้วย ก็เลยบอกกับน้องว่า พี่ก็ตั้งใจจะซื้ออยู่แต่ของหมด น้องจึงบอกว่าดิฉันมีบุญ อยากได้อะไรก็ได้ตามที่คิด ทำให้ดิฉันกิเลสเกิด เป็นปลื้มไปกับคำพูดของน้องอีก ถามว่ากรณีนี้ เป็นเหตุบังเอิญหรือเป็นอานิสงส์ของการทำบุญ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
study
วันที่ 27 พ.ย. 2550

ตามหลักสัจจธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงคือ ธรรมทั้งปวงมีเหตุเป็นแดนเกิด จิต เจตสิก รูป เกิดเพราะมีเหตุและปัจจัย ดังนั้นคำว่า เหตุบังเอิญจึงไม่ถูกต้อง คือไม่มีคำว่าเหตุบังเอิญแต่มีเหตุและปัจจัย เพราะฉะนั้นในชีวิตประจำวันทุกขณะการเห็น การได้ยิน การได้กลิ่น การได้ลิ้มรส การถูกต้องกระทบสัมผัส ทั้งดีและไม่ดี ทั้งหมดเกิดเพราะมีเหตุ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
wannee.s
วันที่ 27 พ.ย. 2550

ธรรมะทุกอย่างมีเหตุมีปัจจัยจึงเกิด ทุกขณะที่เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส กระทบสัมผัส เป็นผลของกรรม ถ้าเป็นผลของกุศลกรรมก็ทำให้ได้ลิ้มรสที่อร่อย ทุกคนปรารถนาที่จะได้รับวิบากที่ดีๆ แต่วิบากเองให้ผลหมดแล้วก็หมดไป ไม่สามารถจะให้ผลอีกค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
แล้วเจอกัน
วันที่ 27 พ.ย. 2550

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

บางครั้ง เมื่อต้องการสิ่งใดก็ได้ทันที บางคนมาได้ตอนหลัง บางคนต้องการแต่ก็ไม่ได้ เพราะอะไร คงไม่ใช่บังเอิญ แต่ทำเหตุ ทุกอย่างต้องเกิดจากเหตุ แต่ที่ผลต่างกันก็ เพราะเหตุต่างกัน บางคนทำไมรวยตั้งแต่ยังหนุ่ม ทำบางคนรวยเมื่อแก่ไม่ได้ใช้ทรัพย์เท่าไหร่แล้ว ก็ต้องทำเหตุมาต่างกัน การจะได้ช้าหรือเร็วทันทีนั้น บางนัยแสดงว่า เช่น พบยาจกก็สละความตระหนี่ให้ทันทีหรือให้ในกาลเวลาที่เหมาะสม กุศลวิบากที่ให้ผลก็ย่อมได้ทันที แต่บางคนให้ช้าเพราะถูกความตระหนี่ ครอบงำเมื่อกุศลนั้นให้ผลก็ไม่ได้ตามที่เวลาที่ต้องการ เป็นต้น ดังข้อความในพระไตรปิฎก

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
แล้วเจอกัน
วันที่ 27 พ.ย. 2550

การให้ทานตามกาลอันควร ผลย่อมได้ตามกาลอันควร ตามต้องการ

[เล่มที่ ๓๖] พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ปัญจก-ฉักกนิบาต เล่ม ๓ - หน้าที่ ๓๑๔

ข้อความบางตอนจาก

สัปปุริสทานสูตร

ครั้นให้ทานโดยกาลอันควรแล้ว ย่อมเป็นผู้มั่งคั่ง มีทรัพย์มาก มีโภคะมาก และย่อมเป็นผู้มีความต้องการที่เกิดขึ้นตามกาลบริบูรณ์ ในที่ที่ทานนั้นเผล็ดผล

[เล่มที่ ๓๖] พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ปัญจก-ฉักกนิบาต เล่ม ๓ - หน้าที่ ๓๑๕

อรรถกถาสัปปุริสทานสูตร

พึงทราบวินิจฉัยในสัปปุริสทานสูตรที่ ๘ ดังต่อไปนี้ :-

บทว่า สทฺธาย ได้แก่ เชื่อทานและผลแห่งทาน

บทว่า กาเลน ได้แก่ ตามกาลที่เหมาะที่ควร

บทว่า อนุคฺคหจิตฺโต ได้แก่ มีจิตไม่เสียดายคือ สละขาดไปเลย

บทว่า อนุปหจฺจ ได้แก่ ไม่กระทบคือ ไม่ลบหลู่ คุณทั้งหลาย

บทว่า กาลาคตา จสฺส อตฺถา ปริปูรา โหนฺติ ความว่าประโยชนทั้งหลายเมื่อจะมาถึง มิได้มาเมื่อเจริญวัยแล้ว ย่อมมาในเวลาที่เหมาะที่ควรในปฐมวัยนั่นเอง ทั้งมากด้วย

ขออุทิศกุศลให้สรรพสัตว์

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
วันชัย๒๕๐๔
วันที่ 27 พ.ย. 2550

ครับยิ่งได้ฟังและศึกษาธรรมะ ยิ่งเข้าใจขึ้น และมั่นคงขึ้นมาก จากเหตุที่ได้พบกับตนเอง อันเป็นข้อพิสูจน์คำพูดที่ว่า พระธรรมที่พระพุทธองค์ทรงตรัสรู้และทรงแสดงนั้นสามารถพิสูจน์ได้ ในทุกๆ ขณะนี้เอง หาใช่ขณะอื่นไม่ คำกล่าวที่ว่าสัตว์โลกเป็นที่ดูผลของบุญและบาปนั้น มีความหมายที่น่าสนใจมาก ผมสังเกตุตนเองและสิ่งที่เกิดแก่ตนในชีวิตที่ผ่านมา แน่นอนว่าย่อมประสพกับทุกข์แลสุขเป็นอันมาก เมื่อได้เทียบเคียงผลที่ได้รับกับความคิดและการกระทำต่างๆ แล้ว ผมรับรู้ได้ว่าความสั่งสมสันดานที่มีมาในจิตนั้นสำคัญเพียงใด ผมรับรู้ว่าเหตุใดผม จึงมีบางอย่างที่คนหลายคนไม่มี (แน่นอน หลายอย่างที่คนอื่นมี ผมไม่มี) บางทีเราอาจ สงสัยว่าทำไมเราได้ในสิ่งที่หลายคนอยากได้แล้วไม่ได้ แต่เชื่อเถอะครับ ไม่ว่าในชาตินี้เรา จะได้หรือไม่ได้อะไร ผมเห็นว่าทุกท่านที่นี่ ได้แล้วในสิ่งที่ประเสริฐที่สุดในชีวิตนี้ คือการได้ยิน ได้ฟังและได้ศึกษาพระธรรมที่ถูกต้องเที่ยงตรงที่สุดตามที่พระพุทธองค์ทรงแสดงไว้ นี่คือ สิ่งที่ทุกคนจะรู้ได้ถึงผลที่ดีซึ่งได้เคยสะสมไว้ในอดีตและกำลังสะสมเพิ่มขึ้นอีกต่อๆ ไป และแน่นอนว่าไม่มีเราที่ได้ (หรือไม่ได้) เป็นแต่สภาพธรรมเท่านั้นที่เป็นเช่นนั้นเอง เนื่องเพราะเหตุแลปัจจัยอันพระพุทธองค์ทรงแสดงไว้แล้ว

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
oom
วันที่ 28 พ.ย. 2550

ขอบพระคุณค่ะ ดิฉันจะปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ตามคำสอนของพระพุทธเจ้าต่อไป ตลอดชีวิตค่ะ แต่ก็ยังมีกิเลสอีกมากมายที่ยังเอาชนะไม่ได้ เช่น โลภะ ยังอยากได้ของ สวยๆ งามๆ มีแล้วก็ อยากมีอีก ทั้งที่ไม่จำเป็นเลย

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
แช่มชื่น
วันที่ 28 พ.ย. 2550

ถ้าเขาไม่เกิดจิตคิดที่จะให้ทานแก่เรา ก็ไม่มีเหตุปัจจัยที่เราจะได้รับทานนั้นจากเขา อีกนัยหนึ่ง ถ้ากุศลกรรมของเราที่เคยกระทำไว้ในอดีตยังไม่ให้ผล กุศลวิบากก็ไม่สามารถจะเกิด แล้วอุปถัมภ์ให้เราได้รับผลของกุศลนั้นเช่นกันครับ

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
yuphin
วันที่ 28 พ.ย. 2550

เห็นข้อความนี้แล้วรู้สึกสะกิดใจนึกถึงอดีตเมื่อ ๖ ปีที่แล้ว ดิฉันฟังเปิดวิทยุพบรายการ สนทนาธรรมโดยอาจารย์สุจินต์บรรยาย ดิฉันฟังมานาน ๔ ปีกว่า แต่เชื่อไหมดิฉันไม่รู้เรื่องเลย รู้เพียงท่าน บรรยายธรรมมีแต่ภาษาบาลี ไม่ทราบว่าเพราะอะไร ทำให้ฟังมาได้ตั้งนาน ทั้งช่วงเที่ยง และ ๖ โมงเย็น ก่อนหน้าปีกว่านี้เอง ดิฉันเริ่มเข้าใจความหมาย ในการบรรยายของท่านบ้าง ทุกวันนี้ศรัทธาในความเป็นผู้ตรงต่อพระธรรมขอพระพุทธองค์ ธรรมที่ท่านกล่าวหรือใช้ตอบ ปัญหาของคู่สนทนาช่างกินใจ ไม่ทราบว่านี้จะ เป็นอานิสงส์หรือเหตุบังเอิญ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
แล้วเจอกัน
วันที่ 28 พ.ย. 2550

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

ธรรมทั้งหลายย่อมมีเหตุปัจจัยจึงเกิดขึ้น ไม่ใช่เหตุบังเอิญ แม้ศรัทธา และความเข้าใจที่เพิ่มขึ้นก็เช่นกัน เกิดจากเหตุปัจจัย ไม่ใช่บังเอิญ

[เล่มที่ ๔๐] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๑-หน้าที่ ๑๒๖

เมื่อเขาเรียนอย่างนั้นแล้ว พระเถระจึงกล่าวคาถาว่า "ธรรมเหล่าใด มีเหตุเป็นแดนเกิด พระตถาคตตรัสเหตุแห่งธรรมเหล่านั้น และเหตุแห่งความดับแห่งธรรมเหล่านั้น พระมหาสมณะ มีปกติตรัสอย่างนี้"

ขออุทิศกุศลให้สรรพสัตว์

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
oom
วันที่ 29 พ.ย. 2550

แสดงว่ากุศลกรรม หรืออกุศลกรรมต่างๆ ที่เราประสบพบมีทั้งพอใจและไม่พอใจนั้นต้องมีเหตุปัจจัยมาทั้งหมด เหมือนดิฉันที่สนใจและชอบศึกษาธรรมะ มาตั้งแต่เด็กๆ จนเพื่อนๆ รุ่นเดียวกัน ตอนสมัย ม.ศ ๔-๕ เขาให้สมญานามว่าเป็นผู้ทรงศีล จนถึงปัจจุบันการศึกษาธรรมะเป็นประโยชน์สำหรับการใช้ชีวิตอยู่ในสังคมอย่างมาก ทำให้เราสามารถผ่านพ้นอุปสรรคต่างๆ ได้อย่างสบาย ไม่เดือดร้อน

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
olive
วันที่ 29 พ.ย. 2550
ขออนุโมทนาค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
jurairat
วันที่ 30 พ.ย. 2550
อนุโมทนาค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
chatchai.k
วันที่ 9 พ.ค. 2564

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
yu_da2554hotmail
วันที่ 15 ส.ค. 2565

ขออนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ