ตถาคตไสยา นอนด้วยจตุตถฌาน
ในการนอน ๔ อย่างนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ดูก่อนภิกษุ
ทั้งหลาย คนบริโภคกามโดยมากนอนโดยข้างซ้าย นี้ชื่อว่า กามโภคี-
ไสยา. จริงอยู่ คนบริโภคกามเหล่านั้นย่อมไม่นอนโดยข้างขวา. ดูก่อน
ภิกษุทั้งหลาย เปรตโดยมากนอนหงาย นี้ชื่อว่า เปตไสยา. จริงอยู่
เพราะเปรตมีเนื้อและเลือดน้อย เปรตห่อหุ้มด้วยโครงกระดูก จึงไม่อาจ
จะนอนโดยข้างหนึ่งได้ จึงต้องนอนหงาย. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สีหมฤค-
ราชสำเร็จการนอนโดยข้างขวา ฯลฯ จึงพอใจ นี้ชื่อว่า สีหไสยา.
จริงอยู่ สีหมฤคราชเพราะมีอำนาจสูง วางเท้าทั้งสองไว้ที่เท้าหลังข้างหนึ่ง
ในที่เดียวกัน สอดหางไว้หว่างขา กำหนดโอกาสที่เท้าหน้าเท้าหลังและ
หางตั้งอยู่แล้ววางศีรษะลงบนที่สุดเท้าหน้าทั้งสองนอนแม้นอนหลับตลอด
วัน เมื่อตื่นก็ตื่นอย่างไม่หวาดสะดุ้ง เงยศีรษะสังเกตโอกาสที่เท้าหน้า
เป็นต้นตั้งอยู่. หากที่ไรๆ ละไปตั้งอยู่ไม่เรียบร้อย สีหมฤคราชก็เสียใจว่า
นี้ไม่สมควรแก่เจ้าผู้มีความกล้าหาญโดยกำเนิด จึงนอนต่อไปในที่นั้น
ไม่ไปแสวงหาอาหาร แต่ครั้นเมื่อไม่ละ ตั้งอยู่เรียบร้อย สีหะก็ดีใจว่า
นี้สมควรแก่เจ้าผู้มีความกล้าหาญโดยกำเนิดจึงลุกบิดกายอย่างสีหะ สลัด
ขนที่คอ บันลือสีหนาท ๓ ครั้ง แล้วจึงไปหาอาหาร. ส่วนการนอน
ด้วยจตุตถฌานเรียกว่า ตถาคตไสยา (พระตถาคตนอน) . ในไสยา ๔
อย่างเหล่านั้น ในที่นี้หมายเอาสีหไสยา. เพราะไสยานี้ ชื่อว่าเป็นไสยา
อย่างสูงที่สุด เพราะเป็นอิริยาบถที่มีอำนาจสูง.
บทว่า ปาเท ปาท ซ้อนเท้าเหลื่อมเท้า คือเท้าซ้ายทับเท้าขวา.
บทว่า อจฺจาธาย คือ ตั้งเท้าเหลื่อมเท้าเลยไปนิดหน่อย. เพราะเมื่อข้อเท้า
..................................................
การนอนมี ๔ อย่างคือ
กามโภคีไสยา คนบริโภคกามโดยมากนอนโดยข้างซ้าย เปตไสยา เปรตโดยมากนอนหงายสีหไสยา สีหมฤคราชสำเร็จการนอนโดยข้างขวา ฯลฯตถาคตไสยา (พระตถาคตนอน) การนอนด้วยจตุตถฌาน