การบูชาสังเวชนียสถานทั้ง 4 ทำให้ไม่ไปอบายทั้ง 4 จริงหรือ?
ขอบูชาพระรัตนตรัยและยึดมั่นเป็นที่พึ่งอันสูงสุด
มีคำถามขอเรียนถามท่านผู้รู้และกัลยาณมิตรทุกท่าน
การไปบูชาสังเวชนียสถานทั้ง ๔ ด้วยความศรัทธา และด้วยความเคารพในพระพุทธองค์ ที่พระพุทธองค์ทรงแสดง ว่าหากผู้ใดได้ไปบูชาก็เหมือนได้เข้าเฝ้าพระพุทธองค์และเมื่อผู้นั้นกายแตกดับไปผู้นั้นจะไม่ไปสู่อบายภูมิทั้ง ๔
๑. ข้อความดังกล่าว มีข้ออธิบายรายละเอียดไหมครับ ว่าทำไมจึงไม่ไปอบายทั้ง ๔ (สามารถปิดอบายได้เพราะเหตุผลใด เพียงแค่นี้เองหรือ อย่างนี้ใครๆ อยากปิดอบายก็แค่ขอไปบูชาก็ไม่ไปอบายแล้วใช่ไหมครับ)
๒. หากเราพาคนอื่นไปแต่จิตเขาไม่ได้เลื่อมใสอะไร อาจไปเพราะอยากไปเที่ยว เขาไปก็ไปบูชาตามเห็นสมควร เช่นนี้จะยังไม่ไปอบายภูมิหรือไม่?
๓. การไม่ไปอบายนี้มีผลในชาติหน้าหรือชาติที่ ๒,๓,๔ ฯลฯ เพราะมีบางกลุ่มเขาไปกันเกือบทุกปี
๔. การที่เราไปบูชาด้วยความเคารพและศรัทธาเลื่อมใสในพระพุทธองค์ เราต้องกู้ยืมเงินไปเช่นนี้เราจะได้บุญของการไปบูชาหรือไม่ครับ
ขออนุโมนาบุญในธรรมทานของทุกท่านครับ
ข้อความจากพระไตรปิฎก (ความเห็นที่ ๑) หมายถึง การกระทำการบูชาด้วยศรัทธาด้วยกุศลจิต ถ้ากรรมนั้นให้ผล ย่อมนำเกิดในสุคติภูมิ (เว้นไว้แต่ผู้นั้นมีอกุศลกรรมหนักเป็นเครื่องกั้น เช่น กระทำอนันตริยกรรม หรือว่าร้ายพระอริยะ เป็นต้น) ไม่ใช่หมายถึงการปิดอบาย ถ้าไปแต่จิตไม่เป็นกุศล หรือแม้แต่ชาวอินเดียที่อยู่ประจำที่นั่น ถ้าเขาไม่มีจิตเสื่อมใส ย่อมไม่มีอานิสงส์เพราะการอยู่หรือไปที่นั่น ส่วนการจะไปบูชาด้วยการกู้ยืมหรือเงินเก็บก็ตาม เมื่อจิตเป็นกุศลขณะใดขณะนั้นเป็นบุญครับ
ขอเชิญคลิกอ่านเพิ่มเติมที่นี่ครับ
และหากผู้ที่ไปมา แต่เราขอการแบ่งบุญจากเขา เราได้บุญเช่นไรเท่าคนที่ไปหรือไม่? (เคยทราบมาว่าการแบ่งบุญ เปรียบเสมือน เราเอาตะเกียงไปขอจุดไฟจากผู้ที่มีไฟตะเกียง) และเราสามารถที่จะปิดอบายได้หรือไม่?
ผู้ที่จะปิดประตูอบายภูมิต้องเป็นพระโสดาบันค่ะ เกิดอย่างมากไม่เกิน ๗ ชาติ ถ้าเป็นปุถุชนต่อให้ทำความดีมากมายแค่ไหน คติก็ไม่แน่นอนค่ะ การแบ่งส่วนบุญ เปรียบการจุดตะเกียง หมายถึงเราทำกุศลแล้วอุทิศส่วนบุญให้ผู้อื่นหรือบอกให้เขารู้ เขาอนุโมทนาบุญกุศลของคนที่ทำยิ่งเพิ่มขึ้น ให้เท่าไหร่ก็ไม่หมดค่ะ คนที่อนุโมทนาในส่วนบุญก็นำมาซึ่งความสุขทั้งโลกนี้และโลกหน้าค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
ข้อ1. ขณะที่กุศลที่เลื่อมใสในสังเวชนียสถานให้ผล ผลบุญนั้นย่อมไม่ไปอบายแน่นอน เราทำอกุศลด้วย ดังนั้น จึงไม่แน่นอน แต่ถ้าบุญนั้นให้ผล ตายไปก็ไม่ต้องไปอบายหากแต่ว่าถ้าอกุศลให้ผลนำเกิด แม้ชาตินั้นจะเลื่อมใสในสังเวชนียสถานก็ต้องไปอบาย เพราะการเลื่อมใสในสังเวชนียสถาน ไม่ใช่กุศลที่มีกำลังหนัก ดังเช่น กุศลที่เป็นรูปวจรกุศลที่เป็นระดับฌาน ที่ให้ผลทันทีเมื่อตาย และถ้าเราทำอนันตริยกรรม (ฆ่า บิดา มารดา เป็นต้น) ในชาตินั้น แม้ชาตินั้นจะไปสังเวชนียสถานแล้วเลื่อมใสก็ตาม ก็ต้องไปอบายแน่นอน เมื่อตายไปครับ เพราะผลของอนันตริยกรรม ให้ผลทันทีเมื่อตายไปในชาตินั้น
ข้อ 2. ข้อนี้ก็เช่นกัน แล้วแต่เหตุปัจจัยว่ากุศลกรรมหรืออกุศลกรรมจะให้ผล
ข้อ 3. แล้วแต่ครับ อาจให้ผลชาติไหนก็ได้
ข้อ 4. บุญคือขณะจิตที่เป็นกุศล ปราศจากกิเลส จึงต้องพิจารณาทีละขณะจิตครับ ไม่ใช่เป็นเรื่องยาวๆ ดังนั้น จึงเป็นอกุศลบ้างและกุศลบ้างครับ
ขออนุโมทนา
ขออุทิศกุศลให้สรรพสัตว์