เรื่องทานและผลของทาน?

 
Atom
วันที่  11 ธ.ค. 2550
หมายเลข  5819
อ่าน  2,740

ขอนอบน้อมในพระรัตนตรัยและยึดมั่นเป็นที่พึ่งอันสูงสุด

รบกวนเรียนถามท่านผู้รู้ธรรมและสหายธรรมด้วยครับ เข้าใจในทานคือการให้แต่มีข้อติดดังนี้ครับ

๑. การให้ทิป เช่น ในโรงแรม ปั๊มน้ำมัน ฯลฯ โดยเราอาจจะไม่ให้ก็ได้เขาไม่ได้เรียกร้องอะไรเช่น ผมเข้าไปเติมน้ำมัน เด็กปั๊มเช็ดกระจกให้ ผมให้เงิน20บาทเพื่อเป็นสินน้ำใจ อย่างนี้ผมได้บุญในทานนั้นหรือไม่ (หรือว่าเป็นค่าจ้างแต่ผมว่าไม่น่านะเพราะจะไม่ให้ก็ได้)

๒. การให้เงินลูกของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐีเพื่อจ้างไปฟังธรรมกับพระพุทธองค์ตรงนี้เงินที่ให้ลูกไปถือเป็นทาน และได้อานิสงค์แห่งทานนั้นหรือไม่

๓. การให้เงินเป็นค่าเลี้ยงดูลูกแก่ภรรยาถือเป็นทานหรือไม่

๔. เข้าใจการตอบแทนบิดามารดาเป็นของยาก ในทางกลับกันบิดามารดาให้การอุปการะแก่บุตรด้วยเงินทอง สิ่งของและอื่นๆ จนบุตรโต ถือว่าเป็นการให้ทานหรือไม่? และมีอานิสงค์หรือไม่? หรือเป็นกรรมที่ต้องมาชดใช้แก่บุตร?

ขอขอบคุณและขออนุโมทนาบุญในธรรมทานกับทุกท่านครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
แล้วเจอกัน
วันที่ 13 ธ.ค. 2550

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

๑. ขึ้นอยู่กับเจตนาเป็นสำคัญ ถ้าตั้งใจให้เพื่อประโยชน์สุขของบุคคลนั้น ก็เป็นจิตที่เป็นกุศลที่เป็นไปในทาน แต่สภาพธัมมะนั้นก็ดับไปแล้ว จะรู้ว่าเป็นกุศลหรือไม่ก็ต้องเป็นสติที่รู้ในขณะนั้น

๒. ทาน คือเจตนาที่สละวัตถุเพื่อเป็นประโยชน์กับผู้รับ โดยเป็นกุศลที่ประกอบด้วยการสละคือ อโลภเจตสิก แล้วแต่จิตใครว่าจะเป็นอย่างไร

๓. เช่นเดียวกัน ถ้าเพื่อเป็นประโยชน์กับผู้รับและเป็นเจตนาที่สละ ก็เป็นกุศลขั้นทาน

๔. ไม่ว่ากับบุคคลใด ถ้าเป็นเจตนาเพื่อสละอันเกิดจากกุศลจิตแล้ว ก็เป็นกุศลขั้นทาน แต่ถ้าให้เพื่อแลกเปลี่ยนหรือให้อาหารสัตว์เพื่อประโยชน์ของตนในการพาณิชย์ เป็นต้น ไม่ใช่เป็นจิตที่เป็นกุศลแล้วก็ไม่เป็นทาน ส่วนเรื่องอานิสงส์นั้นก็แล้วแต่สภาพจิต และบุคคลที่เราให้ ย่อมทำให้มีอานิสงส์ต่างๆ กัน แต่ธรรมเป็นเรื่องละ แม้ผลของบุญ เป็นบุญ ไม่ใช่ได้บุญ ขอแสดงข้อความในพระไตรปิฎกในเรื่องของทานครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
แล้วเจอกัน
วันที่ 13 ธ.ค. 2550

[เล่มที่ ๔๗] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๖ - หน้าที่ ๑๗๑

ข้อความบางตอนจาก

อรรถกถามงคลสูตร
เจตนาเป็นเครื่องบริจาคทานวัตถุ ๑๐ อย่าง มีข้าวเป็นต้น ซึ่งมีความยินดีในเบื้องต้น เจาะจงผู้อื่นชื่อว่า ทาน. อีกอย่างหนึ่ง อโลภะ ที่สัมปยุตด้วยเจตนานั้น ชื่อว่า ทาน ด้วยว่า บุคคลย่อมมอบให้ซึ่งวัตถุนั้นแก่บุคคลอื่นด้วยอโลภะนั้น เพราะเหตุนั้น ท่าน จึงกล่าวว่า ที่ชื่อว่า ทาน เพราะอรรถว่าวัตถุเป็นเครื่องให้

ขออุทิศกุศลให้สรรพสัตว์

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
วันชัย๒๕๐๔
วันที่ 14 ธ.ค. 2550

"แต่ธรรมเป็นเรื่องละ แม้ผลของบุญ เป็นบุญ ไม่ใช่ได้บุญ"

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
แช่มชื่น
วันที่ 14 ธ.ค. 2550

๑. การให้ทิปเป็นบุญหรือไม่ อยู่ที่เจตนาให้ โดยเล็งเห็นประโยชน์สุขแก่บุคคลอื่นเป็นสำคัญครับ ถ้ามีอกุศลเกิดแอบแฝงขึ้นมาในการให้นั้น อานิสงส์ที่จะได้รับจากบุญนั้นก็น้อยลงครับ เช่น

ให้แล้วเขาจะได้เห็นความดีของเรา ..จึงให้ X

ถ้าไม่ให้ เดี๋ยวเขาจะหาว่าเราไม่มีน้ำใจ ..จึงให้ X

เขาทำดีกับเราก่อน การไม่ตอบแทนคุณ ไม่ควร ..จึงให้ (เป็นเรา?)

ให้แล้วเขาจะได้ชม หรือไหว้ขอบพระคุณเรา ..จึงให้ X

ให้เพราะเชื่อว่าการให้เป็นสิ่งที่ควรกระทำ ..จึงให้?

ให้เพราะสงสารที่เขาต้องเป็นเด็กปั๊ม ลำบากกว่าเรา ..จึงให้?

ให้แล้วเขาจะได้เอาความดีของเราไปพูดต่อ ..จึงให้ X

ให้เพราะซาบซึ้งประทับใจในความมีน้ำใจของเขา ..จึงให้?

ให้เพราะรักใคร่ชอบพอเป็นพิเศษ ถูกโฉลก ..จึงให้ X

ให้เพื่อขัดเกลาความตระหนี่ที่เกิดในขณะนั้น ..จึงให้ / (เป็นธรรมะ)

ฯลฯ

โปรดอ่านข้อความโดยตรงจากพระไตรปิฎกนะครับ

ความคิดเห็นที่ 1 โดย : ม.ศ.พ.
ทาน ๘ ประการมีหลายนัย ขอยกมาบางสูตรดังนี้

เชิญคลิกอ่านได้ที่......
ทาน ๘ ประการ [ปฐมทานสูตร]

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
แช่มชื่น
วันที่ 14 ธ.ค. 2550

เรื่องของการให้ทานโดยนัยอื่นๆ ยังมีอีกมาก

เชิญคลิกอ่าน.....

ทาน ๘ ประการ?

๒. การให้ทานของผู้อื่น เราไม่อาจจะรู้ได้ว่าเจตนาจริงๆ ของเขาเป็นเพราะกุศลจิตหรืออกุศลจิตครับ แม้แต่เราเอง ถ้าสติสัมปชัญญะไม่เกิดกับจิตในขณะนั้น ก็ย่อมจะไม่รู้ว่าจิตเป็นกุศลหรืออกุศล ส่วนในเรื่องอานิสงส์ของทาน เชิญอ่านจากข้อความในพระไตรปิฎกโดยตรงข้างล่างนะครับ

๓. ก็ต้องพิจารณาว่า เราให้เพื่อที่ภรรยาจะได้เลี้ยงลูกแทนเราซึ่งออกไปทำงานหาเงิน หรือไม่ด้วยครับ เป็นการให้เพื่อทดแทนหรือแลกเปลี่ยนหน้าที่กันในบ้านหรือเปล่า หรือว่ามีเจตนาที่เป็นกุศล ให้เพื่อภรรยาและบุตรจะได้มีความสุขสบายจากการใช้เงินที่เราได้หามาให้ โดยที่ไม่ได้มุ่งหมายว่า ภรรยาและบุตรจะเอาเงินไปใช้ในกิจอะไรโดย เฉพาะ

๔. ผู้เป็นบิดา มารดา ต้องเป็นผู้พิจารณาจิตของตนเองครับ ว่าให้เพราะความรักซึ่งเป็นโลภะด้วยความสำคัญว่า เขาเป็นลูกของเรา ต้องให้ลูกของเราก่อน ลูกของเรา สำคัญกว่า หรือไม่หรือว่าให้เพื่อการสละในสิ่งที่ยึดถือไว้ด้วยความติดข้อง ให้ได้ยาก เคยหวงมาก โดยเล็งเห็นประโยชน์ต่อผู้รับเป็นสำคัญ จะเป็นหรือไม่เป็นลูกของ เรา ไม่ว่าใครก็ให้ได้ เป็นต้น ครับ

ความคิดเห็นที่ ๓ โดย : ม.ศ.พ.

เชิญคลิกอ่านที่...

ทาน ๘ ประการ [ปฐมทานสูตร]

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
wannee.s
วันที่ 14 ธ.ค. 2550

ขึ้นอยู่กับจิตที่ให้ในขณะนั้น ให้เพราะกรุณาอยากช่วยเหลือเขา ให้เพราะเมตตา มีความเป็นมิตรกับเขา ให้เพราะอยากให้เขาได้รับความสุข จิตที่ให้เป็นกุศลจิต เป็นบุญนำมาซึ่งความสุขในภพนี้และภพหน้าค่ะ

ขออนุโมทนาคุณ atom ที่ให้ทิป ดีค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
devout
วันที่ 15 ธ.ค. 2550

เมื่อมีการให้เกิดขึ้น สภาพจิตในขณะนั้นต้องเป็นกุศลแน่นอน เพียงแต่จะมีกำลังหรือไม่มีกำลัง เกิดร่วมกับปัญญาหรือไม่เกิดร่วมกับปัญญา เกิดร่วมกับอุเบกขาหรือว่าโสมนัส เท่านั้นเองค่ะ

ส่วนเรื่องอานิสงฆ์คงต้องอาศัยปัจจัยอื่นๆ ประกอบอีก เช่น ทายก ปฏิคาหก ไทยธรรม ฯลฯ และถ้าหวังผลของทานเมื่อไหร่ อานิสงฆ์ก็น้อยลงไปแล้วค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
Atom
วันที่ 18 ธ.ค. 2550

จากข้อความข้างล่างนี้

ให้ทานในปุถุชนผู้มีศีล พึงหวังผลทักษิณาได้แสนเท่า. ให้ทานในบุคคลภายนอกผู้ปราศจากความกำหนัดในกาม พึงหวังผลทักษิณาได้แสนโกฏิเท่า.

๑. คำว่าแสนโกฎิเท่า คือ ๑ ล้านล้านเท่าหรือเปล่าครับ ไม่รู้ว่าผมเข้าใจถูกหรือเปล่า แต่ผมเคยรู้มาว่า คำว่าโกฎิ คือสิบล้าน เคยเจอในพระไตรปิฏก เช่น ๙๐ โกฏิ ในการทำบุญของนางวิสาขา ซึ่งถ้าเทียบก็คือ ๙๐๐ ล้านบาทในสมัยนั้น และผมก็เลยสงสัยว่า แสนคูณโกฏก็น่าจะเท่ากับล้านล้านเท่า

๒. เพราะฉะนั้นผมไม่แน่ใจว่าข้อความนั้นคัดมาถูกหรือเปล่าหากเรียงลำดับในผลบุญ จากแสนเท่าข้างต้น ขั้นต่อไปน่าจะเป็นล้านเท่า (โกฏเท่า) หรือเปล่าครับ

ขออนุโมทนาในผลบุญแห่งธรรมทานครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
study
วันที่ 18 ธ.ค. 2550

๑. หนึ่งโกฏ เท่ากับสิบล้าน ถ้าแสนโกฏ ก็เท่ากับล้านล้าน

๒. ขอเชิญอ่านจากพระสูตรโดยตรง

เชิญคลิกอ่าน...

ผลทักษิณาขึ้นอยู่กับผู้รับ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
Atom
วันที่ 20 ธ.ค. 2550
ขอบคุณครับ และขออนุโมทนาบุญครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
chatchai.k
วันที่ 7 พ.ค. 2564

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
yu_da2554hotmail
วันที่ 29 ก.ค. 2565

ขออนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ