จริงหรือเปล่าที่นรกมีการทรมานร่างกายต่างๆ
ขอเรียนถามท่านวิทยากรนะครับว่า จริงหรือเปล่าที่ "นรก" มีการทรมานร่างกายต่างๆ นานา เช่น ต้องปีนต้นงิ้ว ต้องลงไปนอนในกะทะทองแดง เป็นต้น ตามที่เขาวาดไว้ในผนังพระวิหารหรือที่ต่างๆ แล้วถ้าไม่ใช่ในนรกมีการเป็นอยู่อย่างไรครับ และความเข้าใจแบบนี้ (อย่างที่ผมสงสัยนะครับ) มันเกิดขึ้นได้อย่างไรหรือว่ามาจากไหนหรือครับ
ขออนุโมทนา
ในพระไตรปิฎก พระพุทธองค์ได้แสดง เรื่องภพภูมิต่างๆ ไว้มาก และทรงแสดงเหตุให้เกิดในภพภูมินั้นๆ ด้วย เช่น ในภูมินรก มีขุมนรกใหญ่ๆ ๘ ขุม และแต่ละขุมมีบริวารคือนรกย่อยอีกมากมาย ในแต่ละขุมมีการเป็นอยู่อย่างทุกข์ทรมาน ดังข้อความที่ยกมา
ผู้ที่จะเกิดในภูมินรก เกิดขึ้นเพราะอกุศลกรรมที่ตนทำไว้ เพราะมีเหตุ คือ การทำอกุศลกรรม จึงมีวิบาก คือ การเกิดในอบายภูมิ
[เล่มที่ 22] พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์ เล่ม ๓ ภาค ๒- หน้าที่ 152
ว่าด้วยการจองจำ ๕ ประการ
[๔๗๕] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เหล่านายนิรยบาลจะให้คนพาลนั้นกระทำเหตุ ชื่อการจองจำ ๕ ประการคือ ตรึงตะปูเหล็กแดงที่มือข้างที่ ๑ ข้างที่ ๒ ที่เท้าข้างที่ ๑ ข้างที่ ๒ และที่ทรวงอกตรงกลาง คนพาลนั้น จะเสวยเวทนาอันเป็นทุกข์กล้า เจ็บแสบ อยู่ในนรกนั้น และยังไม่ตายตราบเท่าบาปกรรมยังไมสิ้นสุด
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เหล่านายนิรยบาลจะจับคนพาลนั้นขึงพืด แล้วเอาผึ่งถาก คนพาลนั้นจะเสวยเวทนาอันเป็นทุกข์กล้า เจ็บแสบอยู่ในนรกนั้น และยังไม่ตายตราบเท่าบาปกรรมยังไม่สิ้นสุด.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เหล่านายนิรยบาลจะจับคนพาลนั้นเอาเท้าขึ้นข้างบนเอาหัวลงข้างล่างแล้วถากด้วยพร้า คนพาลนั้นจะเสวยเวทนาอันเป็นทุกข์กล้า เจ็บแสบ อยู่ในนรกนั้น และยังไม่ตายตราบเท่าบาปกรรมยังไม่สิ้นสุด.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เหล่านายนิรยบาลจะเอาคนพาลนั้นเทียมรถแล้วให้วิ่งกลับไปกลับมาบนแผ่นดินทีมีไฟติดทั่ว ลุกโพลงโชติช่วง คนพาลนั้นจะเสวยเวทนาอันเป็นทุกข์กล้า เจ็บแสบ อยู่ในนรกนั้น และยังไม่ตายตราบเท่าบาปกรรมยังไม่สิ้นสุด
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เหล่านายนิรยบาลจะให้คนพาลนั้น ปีนขึ้น ปีนลงซึ่งภูเขาถ่านเพลิงลูกใหญ่ที่มีไฟติดทั่ว ลุกโพลง โชติช่วง คนพาลนั้น จะเสวยเวทนาอันเป็นทุกข์กล้า เจ็บแสบ อยู่ในนรกนั้น และยังไม่ตายตราบเท่าบาปกรรมยังไม่สิ้นสุด
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เหล่านายนิรยบาลจะจับคนพาลนั้นเอาเท้าขึ้นข้างบนเอาหัวลงข้างล่าง แล้วพุ่งลงไปในหม้อทองแดงที่ร้อนมีไฟติดทั่ว ลุกโพลงโชติช่วง คนพาลนั้นจะเดือดเป็นฟองอยู่ในหม้อทองแดงนั้น เขาเมื่อเดือด เป็นฟองอยู่ จะพล่านขึ้นข้างบนครั้งหนึ่งบ้าง พล่านลงข้างล่างครั้งหนึ่งบ้างพล่านไปด้านขวางครั้งหนึ่งบ้าง จะเสวยเวทนาอันเป็นทุกข์กล้าเจ็บแสบ อยู่ในหม้อทองแดงนั้น และยังไม่ตายตราบเท่าบาปกรรมยังไม่สิ้นสุด
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เหล่านายนิรยบาลจะโยนคนพาลนั้น เข้าไปในมหานรก ก็มหานรกนั้นแล มีสี่มุมสี่ประตูแบ่งไว้โดยส่วนเท่ากันมีกำแพงเหล็กล้อมรอบครอบไว้ด้วยแผ่นเหล็ก พื้นของนรกใหญ่นั้น ล้วนแล้วด้วยเหล็กลุกโพลงประกอบด้วยไฟแผ่ไปตลอดร้อยโยชน์ รอบด้านประดิษฐานอยู่ทุกเมื่อ
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เรากล่าวเรื่องนรกแม้โดยอเนกปริยายแลเพียงเท่านี้จะกล่าวให้ถึงกระทั่งนรกเป็นทุกข์ไม่ใช่ทำได้ง่าย
[๔๗๖] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย มีเหล่าสัตว์เดียรัจฉานจำพวกมีหญ้าเป็นภักษา สัตว์เดียรัจฉานเหล่านั้น ย่อมใช้ฟันและเล็มกินหญ้าสด ก็เหล่าสัตว์เดียรัจฉาน จำพวกมีหญ้าเป็นภักษา คืออะไร คือ ม้า โค ลา แพะ เนื้อ หรือแม้จำพวกอื่นๆ ไม่ว่าชนิดไรๆ ที่มีหญ้าเป็นภักษา
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย คนพาลนั้นนั่นและกินอาหารด้วยความติดใจรสในเบื้องต้นในโลกนี้ ทำกรรมลามกไว้ในโลกนี้ เมื่อตายแล้ว ย่อมเข้าถึงความเป็นสหายของสัตว์จำพวกที่มีหญ้าเป็นภักษาเหล่านั้น
[เล่มที่ 63] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๔ ภาค ๒- หน้าที่ 218-
[๕๓๘] เราจะดูนรกอันเป็นที่อยู่ของเหล่าสัตวผู้ทำบาป สถานที่อยู่ของเหล่าสัตว์ ผู้มีกรรมหยาบช้า และคติของเหล่าชนผู้ทุศีลก่อน.
[๕๓๙] มาตลีเทพสารีได้แสดงแม่น้ำเวตรณซึ่งข้ามยาก ประกอบด้วยน้ำแสบเผ็ดร้อนเดือดพล่าน เปรียบดังเปลวเพลิงแด่พระเจ้าฆนมิราช.
[๕๔๐] พระเจ้าเนมิราชทอดพระเนตรเห็นชนซึ่งตกอยู่ในเวตรณีนทีภาค ซึ่งยากจะข้ามได้ จึงได้ตรัสกะมาตลีเทพสารถีว่า แน่ะนายสารถี ความกลัวมากปรากฏแก่เรา เพราะเห็นตัว อยู่ในแม่น้ำเวตรณี แน่ะมาตลี เราขอถามท่าน สัตว์เหล่านี้ได้ทำบาป อะไรไว้ จึงได้ตกในเวตรณีนที
[๕๔๑] มาตลีเทพสารถี ทูลพยากรณ์พระดำรัสถาม ตามที่ทราบวิบาลแห่งสัตว์ผู้ทำบาปทั้งหลาย แต่ พระราชาผู้ไม่ทรงทราบว่า สัตว์เหล่าใดเมื่อยังอยู่ใน มนุษยโลก เป็นผู้มีกำลังมีบาปธรรม เบียดเบียนด่ากระทบผู้ที่หากำลังมิได้ สัตว์เหล่านั้นมีกรรมหยาบช้ากระทำบาป จึงตกลงในเวตรณีนที
[๕๔๒] พระราชาตรัสว่า สุนัขแดง สุนัขด่าง ฝูงแร้ง ฝูงกา น่ากลัว เคี้ยวกินสัตว์นรก ความกลัว ปรากฏแก่เราเพราะเห็นสัตว์เหล่านั้นเคี้ยวกินสัตว์นรก เราขอถามท่าน สัตว์เหล่านี้ที่ฝูงกาเคี้ยวกิน ได้ทำบาปอะไรไว้.
[๕๔๓] มาตลีเทพสารถีอันพระเจ้าเนมิราช ตรัสถามแล้ว ได้ทูลพยากรณ์วิบากของเหล่าสัตว์ผู้ทำบาปตามที่ได้ทราบ แด่พระเจ้าเนมิราชผู้ไม่ทรงทราบว่า สัตว์เหล่าใดเหล่าหนึ่งเป็นผู้ตระหนี่เหนียวแน่นมีบาปธรรม มักบริภาษเบียดเบียนด่ากระทบสมณพราหมณ์ สัตว์เหล่านั้นมีกรรมหยาบช้า กระทำบาปจึงถูกฝูงกาเคี้ยวกิน.
[๕๔๔] สัตว์นรกเหล่านี้มีร่างกายลุกโพลงเดินเหยียบแผ่นดินเหล็ก และนายนิรยบาลโบยด้วย ท่อนเหล็กแดง ความกลัวปรากฏแก่เราเพราะได้เห็นความเป็นไปของสัตว์นรกเหล่านั้น ดูก่อนมาตลเทพสารถี เราขอถามท่าน สัตว์นรกเหล่านี้ทำบาปอะไรไว้จึงถูกเบียดเบียนด้วยท่อนเหล็กนอนอยู่
[๕๔๕] มาตลีเทพสารถีทูลพยากรณ์ พระดำรัสถาม ตามที่ทราบวิบากแห่งสัตว์ผู้ทำบาปทั้งหลาย แด่พระราชาผู้ไม่ทรงทราบว่า สัตว์เหล่าใด เมื่อยังอยู่ในมนุษยโลก เป็นผู้มีบาปธรรมเบียดเบียนด่ากระทบชายหญิงผู้มีกุศลธรรม สัตว์เหล่านั้นมีกรรมหยาบช้ากระทำบาปธรรมแล้ว จึงถูกเบียดเบียนด้วยท่อเหล็กนอนอยู่.
[๕๔๖] สัตว์อื่นร้องไห้มีกายไฟไหม้ทั่ว ดิ้นรน อยู่ในหลุมถ่านเพลิง ความแล้วปรากฏแก่เรา เพราะ เห็นกิริยานี้
ดูก่อนมาตลีเทพสารถี สัตว์นรกเหล่านี้ได้ทำบาปอะไรไว้ จึงมาร้องไห้ดิ้นรนในอยู่ในหลุมถ่านเพลิงนี้.
[๕๔๗] มาตลีเทพสารถีอันพระเจ้าเนมิราชตรัสถามแล้วได้ทูลพยากรณ์วิบากของเหล่าสัตว์ผู้ทำบาปตามที่ได้ทราบ แด่พระเจ้าวิเทหราชผู้ไม่ทราบว่า สัตว์นรกเหล่านี้ยังหนี้ให้เกิด เพราะสร้างพยานโกงเหตุแห่งทรัพย์ของประชุมชน ยังหนี้ให้เกิดแก่ประชุมชน มีกรรมหยาบช้าทำความชั่ว จึงมาร้องไห้ ดิ้นรนอยู่ในหลุมถ่านเพลิง พระเจ้าข้า
[๕๔๘] หม้อโลหะใหญ่ ไฟติดทั่ว ลุกโพลงโชติช่วง ย่อมปรากฏ ความกลัวย่อมเกิดแก่เรา เพราะได้เห็นความเป็นไปนี้ แน่ะมาตลีเทพสารถี เราขอถามท่าน สัตว์นรกเหล่านี้ทำบาปอะไรไว้ จึงตกในโลหกุมภี
[๕๔๙] มาตลีเทพสารถี ทูลพยากรณ์พระดำรัสถาม ตามที่ทราบวิบากแห่งสัตว์ผู้ทำบาปทั้งหลาย แด่พระราชาผู้ไม่ทรงทราบว่า สัตว์เหล่าใด เป็นผู้มีบาปธรรม เบียดเบียนด่ากระทบสมณะ หรือพราหมณ์ผู้มีศีล สัตว์เหล่านั้นมีกรรมหยาบช้า กระทำบาปกรรมแล้ว จึงตกในโลหกุมภี
[๕๕๐] นายนิรยบาลผูกคอสัตว์นรก ด้วยเชือกเหล็ก ลุกโพลง แล้วตัดศีรษะโยนลงไปในน้ำร้อน ความกลัวเกิดแก่เรา เพราะได้เห็นความเป็นไปนี้ ดูก่อนมาตลีเทพสารถี เราขอถามท่าน สัตว์เหล่านี้ได้ทำบาปอะไรไว้ จึงมีศีรษะขาดนอนอยู่
[๕๕๑] มาตลีเทพสารถี ทูลพยากรณ์พระดำรัสถามตามที่ทราบวิบากแห่งสัตว์ ผู้ทำบาปทั้งหลาย แด่พระราชาผู้ไม่ทราบว่า ข้าแต่พระองค์ ผู้เป็นจอมประชาชน สัตว์เหล่าใดเมื่อยังอยู่ในมนุษยโลก มีบาปธรรม จับนกมาฆ่า สัตว์เหล่านั้นมีกรรมหยาบช้า กระทำบาป จึงมีศีรษะขาดนอนอยู่
[๕๕๒] แม่น้ำนี้มีน้ำมาก มีตลิ่งไม่สูง มีท่าอันดีไหลอยู่เสมอ สัตว์นรกเหล่านั้นเร่าร้อน เพราะความร้อนแห่งไฟ จะดื่มน้ำ ก็แต่เมื่อสัตว์นรกเหล่านั้นจะดื่ม น้ำก็กลายเป็นแกลบไป ความกลัวย่อมปรากฏแก่เราเพราะได้เห็นความเป็นไปนี้ แน่ะมาตลีเทพสารถี ข้าพเจ้าขอถามท่าน สัตว์นรกเหล่านี้ได้ ทำบาปอะไรไว้ เมื่อจะดื่มน้ำ น้ำจึงกลายเป็นแกลบไป
[๕๕๓] มาตลีเทพสารถีทูลพยากรณ์ พระดำรัสถามตามที่ทราบวิบากแห่งสัตว์ผู้ทำบาปทั้งหลาย แด่พระราชาผู้ไม่ทรงทราบว่า สัตว์เหล่าใด มีการงานไม่ บริสุทธิ์ ขายข้าวเปลือกแท้เจือด้วยข้าวลีบแกลบแก่ผู้ซื้อ เมื่อสัตว์เหล่านั้นมีความร้อนยิ่ง เพราะความร้อนแห่งไฟกระหายน้ำ จะดื่มน้ำ น้ำจึงกลายเป็นแกลบไป
[๕๕๔] นายนิรยบาลแทงข้างทั้ง ๒ แห่ง สัตว์นรกผู้ร้องไห้อยู่ ด้วยลูกศร หอก โตมร ความกลัวปรากฏแก่เรา เพราะได้เห็นความเป็นไปนี้ ดูก่อนเทพสารถี เราขอถามท่าน สัตว์นรกเหล่านี้ได้ทำบาปอะไรไว้ จึงถูกฆ่าด้วยหอกนอนอยู่.
[๕๕๕] มาตลีเทพสารถีทูลพยากรณ์พระดำรัสถาม ตามที่ทราบวิบากแห่งสัตว์ผู้ทำบาปทั้งหลาย แด่พระราชาผู้ไม่ทรงทราบว่า สัตว์หล่าใด เนื้อยังอยู่ในมนุษยโลก เป็นผู้มีกรรมไม่ยังประโยชน์ให้สำเร็จถือเอาของที่เจ้าของไม่ให้ คือ ธัญชาติ ทรัพย์ เงิน ทอง แพะ แกะ ปสุสัตว์ และกระบือ มาเลี้ยงชีวิตสัตว์ เหล่านั้นเป็นผู้มีกรรมหยาบช้า ทำบาป จึงถูกฆ่าด้วยหอกนอนอยู่
[๕๕๖] สัตว์นรกเหล่านี้นายนิรยบาลผูกคอไว้ เพราะเหตุอะไร ยังพวกอื่นอีกพวกหนึ่ง อันนายนิรยบาลตัดทำให้เป็นชิ้นๆ นอนอยู่ ความกลัวย่อมปรากฏแก่เราเพราะได้เห็นความเป็นไปนี้ ดูก่อนมาตลีเทพสารถี เราขอถามท่าน สัตว์นรกเหล่านี้ทำบาปอะไรไว้ จึงถูกทำให้เป็นชิ้นๆ นอนอยู่
[๕๕๗] มาตลีเทพสารถีทูลพยากรณ์พระดำรัสถาม ตามที่ทราบวิบากแห่งสัตว์ผู้ทำบาปทั้งหลาย แด่พระราชาผู้ไม่ทรงทราบว่า สัตว์นรกเหล่านี้เคยเป็นผู้ฆ่าแกะ ฆ่าสุกร ฆ่าปลา ครั้นฆ่าสัตว์ของเลี้ยงกระบือ แพะ แกะ แล้ววางไว้ในร้านทำสัตว์ ขายเนื้อ เป็นผู้มีกรรมหยาบช้าทำบาป จึงถูกตัดเป็นชิ้นๆ นอนอยู่
[๕๕๘] ห้วงน้ำนี้เต็มด้วยมูตรและคูถ มีกลิ่นเหม็น ไม่สะอาด เน่า ฟุ้งไป สัตว์นรกมีความหิวครอบงำก็กินมูตร และคูถนั้น ความกลัวปรากฏแก่เรา เพราะได้เห็นความเป็นไปนั้น ดูก่อนมาตลีเทพสารถี เราขอถามท่านสัตว์นรกเหล่านี้ได้ทำบาปอะไรไว้ จึงมีมูตรและคูถเป็นอาหาร
[๕๕๙] มาตลีเทพสารถี ทูลถวายพยากรณ์พระดำรัสถามตามที่ทราบวิบากแห่งสัตว์ผู้ทำบาปทั้งหลาย แด่พระราชาผู้ไม่ทรงทราบว่า สัตว์นรกเหล่าใด ก่อทุกข์เบียดเบียนมิตรสหายเป็นต้น ตั้งมั่นอยู่ในความเบียดเบียนผู้อื่นทุกเมื่อ สัตว์นรกเหล่านั้นมีกรรมหยาบช้า เป็นพาลประทุษร้ายมิตร จึงต้องกินมูตรและคูถ
[๕๖๐] ห้วงน้ำนี้เต็มด้วยเลือดและหนอง มีกลิ่นเหม็นไม่สะอาด เน่า ฟุ้งไป สัตว์นรกถูกความร้อนแผดเผาแล้ว ย่อมดื่มเลือด และหนองกิน ความกลัวย่อมปรากฏแก่เรา เพราะได้เห็นความเป็นไปนั้น ดูก่อนมาตลีเทพสารถี เราขอถามท่าน สัตว์นรกเหล่านี้ได้ทำบาปอะไรไว้ จงมีเลือดและหนองเป็นอาหาร
[๕๖๑] มาตลีเทพสารถี ทูลถวายพยากรณ์พระดำรัสถามตามที่ทราบวิบากแห่งสัตว์ผู้ทำบาปทั้งหลาย แด่พระราชาผู้ไม่ทรงทราบว่า สัตว์นรกเหล่าใด เมื่อยังอยู่ในมนุษยโลก ฆ่ามารดาบิดา และพระอรหันต์ชื่อว่าต้องปาราชิกในคิหิเพศ สัตว์นรกเหล่านั้นมีกรรมหยาบช้าทำบาป จึงมีเลือดและหนองเป็นอาหาร
[๕๖๒] ท่านจงดูลิ้นของสัตว์นรกที่เกี่ยวด้วยเบ็ดและหนังที่แผ่ไปด้วยขอ สัตว์นรกย่อมดิ้นรนเหมือนปลาที่โยนไปบนบกย่อมดิ้นรน ฉะนั้น ร้องไห้ น้ำลายไหล เพราะกรรมอะไร ความกลัวย่อมปรากฏแก่เรา เพราะได้เห็นความเป็นไปนั้น ดูก่อนมาตลีเทพสารถี เราขอถามท่าน สัตว์นรกเหล่านี้ได้ทำบาปอะไรไว้ จึงกลืนเบ็นนอนอยู่
[๕๖๓] มาตลีเทพสารถีทูลพยากรณ์พระดำรัสถาม ตามที่ทราบวิบากแห่งสัตว์ผู้ทำบาปทั้งหลาย แด่พระราชาผู้ไม่ทรงทราบว่า สัตว์นรกเหล่าใดเหล่าหนึ่งเป็นมนุษย์อยู่ในตำแหน่งผู้ตีราคา ยังราคาซื้อให้เสื่อมไปด้วยราคา ทำกรรมอันโกงด้วยความโกงเหตุโลภทรัพย์ ปกปิดไว้ ดุจคนเข้าไปใกล้ปลาเพื่อจะฆ่า เอาเหยื่อเกี่ยวเบ็ดปิดเบ็ดไว้ฉะนั้น บุคคลจะป้องกันช่วยคนทำความโกง ผู้อันทำของตนหุ้มห่อไว้ ไม่มีเลย สัตว์นรกเหล่านี้มีกรรมหยาบช้าทำบาป จึงมากลืนเบ็ดนอนอยู่
[๕๖๔] หญิงนรกเหล่านั้นมีร่างกายแตกทั่ว มีชาติทราม มีแมลงวันตอม เปรอะเปื้อนด้วยเลือดและหนอง มีศีรษะขาด เหมือนฝูงโคที่ศีรษะขาดบนที่ฆ่า ประคองแขนทั้งสองร้องไห้ หญิงนรกเหล่านั้นจมอยู่ในภูมิภาคเพียงเอวทุกเมื่อ ภูเขาไฟตั้งมาแต่สี่ทิศลุกโพลงกลิ้งมาบดหญิงนรกเหล่านั้นให้ละเอียด ความกลัวปรากฏแก่เรา เพราะได้เห็นความเป็นไปนั้น ดูก่อนมาตลีเทพสารถี เราขอถามท่าน หญิงนรกเหล่านั้นได้ทำบาปอะไรไว้ จึงต้องมาจมอยู่ในภาคภูมิเพียงเอวทุกเมื่อ ภูเขาไฟลุกโพลงตั้งมาแต่สี่ทิศบดให้ละเอียด
[๕๖๕] มาตลีเทพสารถีทูลพยากรณ์พระดำรัสถามตามที่ทราบวิบากแห่งสัตว์ผู้ทำบาปทั้งหลาย แด่พระราชาผู้ไม่ทรงทราบว่า หญิงนรกเหล่านั้นเป็นกุลธิดา เมื่อยังอยู่ในมนุษยโลกมีการงานไม่บริสุทธิ์ได้ประพฤติไม่น่ายินดี เป็นหญิงนักเลง ละสามีเสียได้คบหาชายอื่น เพราะเหตุยินดีและเล่น หญิงเหล่านั้น เมื่อยังอยู่ในมนุษยโลกนี้ ยังจิตของตนให้ยินดีในชายอื่น ถูกภูเขาไฟอันลุกโพลงตั้งมาแต่สี่ทิศ บดให้ละเอียด
[๕๖๖] เพราะเหตุไร นายนิรยบาลทั้งหลาย จึงจับสัตว์นรกเหล่านี้อีกพวกหนึ่งที่เท้าเอาหัวลง โยนลง ไปในนรก ความกลัวย่อมปรากฏแก่เรา เพราะได้เห็น ความเป็นไปนั้น ดูก่อนมาตลีเทพสารถี เราขอถามท่าน สัตว์นรกเหล่านี้ได้ทำบาปอะไรไว้ จึงถูกให้ตกไปในนรก
[๕๖๗] มาตลีเทพสารถีทูลพยากรณ์ พระดำรัสถามตามที่ทราบวิบากแห่งสัตว์ผู้ทำบาปทั้งหลาย แด่พระราชาผู้ไม่ทรงทราบว่า สัตว์เหล่าใด เมื่อยังอยู่ในมนุษยโลก เป็นผู้มีกรรมไม่ดี ล่วงเกินภรรยาทั้งหลายของชายอื่น สัตว์เหล่านั้น เป็นผู้ลักภัณฑะอันอุดมเช่นนั้น จึงมาตกนรก เสวยทุกขเวทนาในนรกนั้นสิ้นปีเป็นอันมาก บุคคลผู้ช่วยป้องกันบุคคลผู้มักทำบาป ผู้อันกรรมของคนหุ้มห่อไว้ ไม่มีเลยสัตว์นรกเหล่านั้นมีกรรมหยาบช้าทำบาป จึงมาตกอยู่ในนรก
[๕๖๘] สัตว์นรกเหล่านี้ทั้งน้อยใหญ่ ต่างพวกประกอบเหตุการณ์ มีรูปร่างพิลึก ปรากฏอยู่ในนรก ความกลัวย่อมปรากฏแก่เรา เพราะได้เห็นความเป็นไปนั้น ดูก่อนมาตลีเทพสารถี เราขอถามท่าน สัตว์นรกเหล่านี้ได้ทำบาปอะไรไว้ จึงได้เสวยทุกขเวทนาอันกล้าแสงแดดร้อนมีประมาณยิ่ง
[๕๖๙] มาตลีเทพสารถีทูลพยากรณ์พระดำรัสถาม ตามที่ทราบวิบากแต่งสัตว์ผู้ทำบาปทั้งหลาย แด่พระราชาไม่ทรงทราบว่า สัตว์เหล่าใด เมื่อยังอยู่ในมนุษยโลก เป็นผู้มีความเห็นเป็นบาป หลงทำกรรมอันทำด้วยความคุ้นเคย และชักชวนผู้อื่นในทิฏฐิเช่นนั้น สัตว์เหล่านั้นเป็นผู้มีทิฏฐิอันลามกทำบาป จึงต้องเสวยทุกขเวทนาอันกล้าแข็งเผ็ดร้อนมีประมาณยิ่ง
[๕๗๐] ข้าแต่มหาราชเจ้า พระองค์ทรงทราบสถานที่อยู่ของเหล่าสัตว์ผู้มีกรรมหยาบช้า และทรงทราบคติของเหล่าสัตว์ผู้ทุศีลแล้ว เพราะได้ทอดพระเนตรเห็นนิรยาบาล อันเป็นที่อยู่ของเหล่าสัตว์นรกผู้มีกรรมอันลามก ข้าแต่พระราชาผู้แสวงหาคุณอันยิ่ง ใหญ่ บัดนี้ขอพระองค์เสด็จขึ้นไปในสำนักของท้าวสักกเทวราชเถิด
[๕๗๑] วิมาน ๕ ยอดนี้ปรากฏอยู่ เทพธิดาผู้มีอานุภาพมาก ประดับดอกไม้ นั่งอยู่กลางที่ไสยาสน์ แสดงฤทธิ์ได้ต่างๆ สถิตอยู่ในวิมานนั้น ความปลื้มใจปรากฏแก่เรา เพราะได้เห็นความเป็นไปนั้น ดูก่อน มาตลีเทพสารถี เราขอถามท่าน เทพธิดานี้ได้ทำกรรมดีอะไรไว้ จึงได้ถึงสวรรค์บันเทิงอยู่ในวิมาน
[๕๗๒] มาตลีเทพสารถี ทูลพยากรณ์พระดำรัสถามตามที่ทราบวิบากแห่งสัตว์ผู้ทำบุญทั้งหลาย แด่พระราชาผู้ไม่ทรงทราบว่า ก็เทพธิดาที่พระองค์ทรงหมายถึงนั้น ชื่อ วรุณี เมื่อยังอยู่ในมนุษยโลกเป็น...
อ่านต่อจาก...
[เล่มที่ 63] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๔ ภาค ๒ เริ่มที่หน้า 218-