ปัจจุบัน

 
pirmsombat
วันที่  14 ธ.ค. 2550
หมายเลข  5861
อ่าน  1,046

พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ 66

๑๐. อรัญญสูตร

[๒๑] เทวดานั้น ครั้นยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้วแล ได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคเจ้าด้วยคาถาว่าวรรณะของภิกษุทั้งหลายผู้อยู่ในป่า


ฉันภัตอยู่หนเดียว เป็นสัตบุรุษผู้ประพฤติธรรมอันประเสริฐย่อมผ่องใสด้วยเหตุอะไร.

[๒๒] พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสตอบว่า


ภิกษุทั้งหลาย.............ไม่เศร้าโศกถึงปัจจัยที่ล่วงแล้วไม่ปรารถนาปัจจัยที่ยังมาไม่ถึง


เลี้ยงตนด้วยปัจจัยที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้า


วรรณะ (ของภิกษุทั้งหลายนั้น) ย่อมผ่องใส


ด้วยเหตุนั้น เพราะความปรารถนาถึง
ปัจจัยที่ยังไม่มาถึงและความโศกถึงปัจจัยที่ล่วงแล้วพวกพาลภิกษุจึงซูบซีด


เหมือนต้นอ้อสดที่ถูกถอนเสียแล้ว ฉะนั้น

จบ นฬวรรค ที่ ๑

...............................................................................


บุคคลทั้งหลายไม่เศร้าโศกถึงสี่งในอดีต


บุคคลทั้งหลายไม่ปราถนาในสี่งที่ยังมาไม่ถึง


อยู่ด้วยสี่งที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้า ย่อมมีความสุข มีความเพียร


เกิดปัญญารู้สภาพธรรมตามความเป็นจริง


ถึงที่สุดแห่งทุกข์ได้ ครับ


  ความคิดเห็นที่ 2  
 
แล้วเจอกัน
วันที่ 14 ธ.ค. 2550

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๓ ภาค ๕ - หน้าที่ 697

ข้อความบางตอนจาก จักกวากชาดก

ว่าด้วยความเป็นอยู่ของนกจักรพราก

[๑๒๗๖] ดูก่อนนกจักรพราก ท่านทั้งหลายกิน

ผลไม้อะไร ที่ห้วงน้ำนี้ หรือว่าท่านทั้งหลาย

กินเนื้อแก่ที่ไหน หรือว่าท่านทั้งหลายกิน

โภชนาหารอะไร กำลังและสีของท่านทั้งหลาย

จึงไม่เสื่อมทรามผิดรูป.

[๑๒๗๗] ดูก่อน ผลไม่ทั้งหลายจะมีที่ห้วงน้ำ

ก็หามิได้ เนื้อที่นกจักรพรากจะกินก็มิได้มี

แต่ที่ไหน ข้าพเจ้าทั้งหลายกินแต่สาหร่าย

กับน้ำ จะได้ทำบาปเพราะการกินก็หามิได้.

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
แล้วเจอกัน
วันที่ 14 ธ.ค. 2550

[๑๒๗๘] ดูก่อนนกจักรพราก อาหารของท่านนี้

เราไม่ชอบ อาหารที่ท่านกินในภพนี้อย่างไร

ท่านก็เป็นผู้ละม้ายคล้ายกันกับอาหารนั้น ครั้ง

ก่อนเราเคยเป็นอย่างนี้มาแล้ว แต่เดี๋ยวนี้

กลายเป็นอย่างอันไปด้วยเหตุนี้แหละ เราจึง

เกิดความสงสัยในสีกายของท่าน.

[๑๒๗๙] แม้เราได้กินเนื้อ ผลไม้ และอาหารที่

เคล้าด้วยเกลือเจือด้วยน้ำมัน เราได้กินอาหาร

มีรสที่เขากินกันในหมู่มนุษย์ จึงได้กล้าหาญ

เข้าต่อสู้สงครามได้ ดูก่อนนกจักรพราก แต่สี

ของเราหาเหมือนกับของท่านไม่.

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
แล้วเจอกัน
วันที่ 14 ธ.ค. 2550

[๑๒๘๐] ดูก่อนกา ท่านเป็นผู้กินอาหารไม่บริสุทธิ์

มักจะโฉบลงในขณะที่เขาพลั้งเผลอ จะได้กิน

ข้าวและน้ำก็โดยยาก ลูกไม้ทั้งหลายท่านก็ไม่

ชอบใจกิน หรือเนื้อในกลางป่าช้า ท่านก็ไม่

ชอบใจกิน.

[๑๒๘๑] ดูก่อนกา ผู้ใดอาศัยบริโภคโภคสมบัติ

ด้วยกรรมอันสาหัส มักจะโฉบลงในขณะที่เขา

พลั้งเผลอ ภายหลังสภาวธรรมตนเอง ก็ย่อม

ติเตียนผู้นั้น ผู้นั้นถูกสภาวธรรมตนเองติเตียน

แล้ว ก็ย่อมละทิ้งวรรณะ และกำลังเสีย.

[๑๒๘๒] ถ้าผู้ใดบริโภคอาหาร แม้จะนิดหน่อย

ซึ่งเป็นของเย็นไม่เบียดเบียนผู้อื่นถึงสาหัส ใน

กาลนั้นกำลังกายและวรรณะ ย่อมมีแก่ผู้นั้น

วรรณะทั้งปวงจะมีแก่ผู้นั้น ด้วยอาหารต่างๆ

เท่านั้นก็หาไม่.

จบ จักกวากชาดกที่ ๘

ขออุทิศกุศลให้สรรพสัตว์

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
jurairat
วันที่ 15 ธ.ค. 2550

ดิฉันกำลังเป็นคนพาลที่เศร้าโศกในอดีตและปรารถนาในสิ่งที่ยังมาไม่ถึงอีกผู้หนึ่ง เมื่อได้อ่านถ้อยคำของสัตบุรุษแล้ว ยังใจให้เบิกบานแจ่มใสเหมือนเดิม ขออนุโมทนาค่ะ

เมื่อสติเกิดระลึกรู้สภาพธรรมที่กำลังปรากฎ ขณะนั้นจิตมีความเป็นกลางอย่างยิ่ง

ความรู้สภาพธรรมที่กำลังศึกษาแต่ละขณะแต่ละทวารนั้นค่อยๆ มากขึ้นค่อยๆ เข้าใจขึ้น แล้วก็

ดีใจเสียใจวนเวียนไปเหมือนเดิมในสังสารวัฏฏ์ ถ้าเป็นการวนออกหรือหมุนออกจากสังสารวัฏฏ์ต่อเมื่อสติเกิด แม้เกิดบ้างนิดๆ หน่อยๆ ในแต่ละวันหรือบางวันไม่เกิดเลยก็ไม่ต้องเดือดร้อน

เพราะเป็นเรื่องของธรรมะที่จะปรุงแต่งไปเองตามเหตุตามปัจจัย หน้าที่ก็คือสะสมบุญบารมีใน

ชีวิตประจำวันตามโอกาสและไม่ละเลยการฟังธรรมหรือศึกษาธรรมเท่านั้น ขออนุโมทนากับ

สหายธรรมที่กำลังประพฤติธรรมสมควรแก่ธรรมทุกท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
medulla
วันที่ 15 ธ.ค. 2550
ขอบพระคุณมากค่ะ ขออนุโมทนาค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
วันชัย๒๕๐๔
วันที่ 15 ธ.ค. 2550

ขออนุโมทนาครับ ความหมายในพระสูตรลึกซึ้งก่อให้เกิดกำลังใจแก่ผู้ศึกษาธรรมครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ