ขอสมัครเป็นญาติพุทธธรรมกับทุกท่านด้วยนะครับ

 
Black-Garuda
วันที่  14 ธ.ค. 2550
หมายเลข  5862
อ่าน  1,476

๑. ผมน่าจะฟัง AM ตั้งนานแล้ว

๒. ผมฟังอาจารย์สุจินต์ ช้าไปหรือเปล่า

๓. ถ้าคุณๆ มีข้อมูลอะไรที่ทำให้เพื่อนธรรมอย่างผม ซึ่งดูจะช้ากว่าคุณๆ ที่เข้ามาใส่ใจธรรม ก็ได้โปรดแนะนำด้วยนะครับ

ขอบพระคุณมากครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
แล้วเจอกัน
วันที่ 14 ธ.ค. 2550

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

การได้ยินเป็นสภาพธัมมะอย่างหนึ่งครับ การได้ยิน เป็นธรรมประเภทหนึ่งที่เรียกว่า วิบาก (ผลของกรรม) ธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา บังคับบัญชาไม่ได้ครับ แม้ผลของกรรม คือวิบากก็บังคับบัญชาไม่ได้ การได้ยินก็เช่นเดียวกัน เราไม่สามารถเลือกได้ว่า จะได้ยินเสียงนั้นเสียงนี้ ตอนไหน เวลาใด เพราะเป็นธรรมและเป็นอนัตตา ฉันใด แม้การจะได้ยินเสียงธรรม (บรรยายโดยท่านอ.สุจินต์) ก็เป็นอนัตตาเช่นกันครับ ไม่มีคำว่า ช้าไป เพราะเมื่อมีเหตุให้ได้ยินเวลานั้น เวลาที่คุณได้ยินก็ได้ยินครับ ทำไมไม่ได้ยิน ก่อนหน้านี้เพราะวิบาก (ผลของกรรม) ยังไม่ให้ผลให้ได้ยินเสียงท่านอาจารย์ครับ อย่างไรก็ตาม เมื่อมีโอกาสได้พบพระธรรมแล้วก็ขอให้พิจารณาไตร่ตรองด้วยเหตุผล ครับ หาฟังได้จากเวปไซด์นี้ มีไฟล์มากมาย ลองเริ่มจากเรื่อง ธรรมคืออะไร เป็นต้น ก่อนก็ได้ครับ หรือฟังทางวิทยุ ไม่ต้องรีบร้อนนะ ต้องค่อยๆ ฟังไป ปัญญาก็จะค่อยๆ เจริญทีละน้อยๆ มาก แต่ก็เป็นหนทางเดียวครับ

อนุโมทนาด้วยครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
wirat.k
วันที่ 15 ธ.ค. 2550

ยินดีต้อนรับครับคุณ Black-Garuda การได้ยินได้ฟังพระธรรมคำสอนที่ถูกต้องเป็นความดี เป็นผลบุญเก่าของท่านเอง (ขออนุโมทนา) เมื่อได้ฟังก็จะเป็นเหตุให้ได้พิจารณาว่าถูกต้องมีเหตุมีผล มีที่มามีหลักฐาน หรือกล่าวอ้างลอยๆ ผมเองก็เสียเวลากับการศึกษาที่ไม่ถูกไปเชื่อในบุคคลที่ไม่ได้ศึกษาอย่างถ่องแท้มานาน เพราะฟังแล้วไม่ได้พิจารณา สอบทานกับหลักฐานที่มีอยู่คือ พระไตรปิฎก เขาพาไปทำอะไรก็ทำ เพราะความ "อยาก" ไม่ลำบากตัวเองคนเดียวยังเที่ยวไปแนะนำคนใกล้ตัวไป "ทำ" ด้วย ก็เป็นวิบากคือ ผลของอกุศลกรรมที่ตนเองทำไว้แล้วนั่นแหละครับ จึงต้องเจออย่างนั้น เมื่อมีโอกาสอันดี ที่ได้ฟังท่านผู้ที่ได้ศึกษามาก่อน ได้ชี้แนะให้เริ่ม "เข้าใจ"ทีละเล็กทีละน้อย น้อยมากจริงๆ นะครับ ก็เริ่มเห็นคุณของ "การฟังพระธรรม"เพิ่มขึ้น เมื่อมีโอกาสก็ค่อยๆ "ฟัง" มากขึ้น ก็ยิ่งเห็นพระพุทธเจ้าช่างมีพระคุณอันยิ่งใหญ่และประเสริฐจริงๆ เพราะท่านแสดง "ความจริง" ที่ไม่มีใครแสดงได้ ขออนุโมทนา และขอเชิญชวนให้ "ฟังพระธรรม" ตามที่ท่านอาจารย์สุจินต์ ฯตอบคำถามที่ใครๆ ชอบถาม (รวมทั้งผมด้วย) ว่าในการศึกษาพระพุทธศาสนานี้ต้อง "ทำอย่างไร?"

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
ไตรสรณคมน์
วันที่ 15 ธ.ค. 2550

ช้าหรือเร็วไม่สำคัญค่ะ ที่สำคัญคือความเข้าใจ สามารถโยงเข้ามาหาสภาพธรรมในชีวิตประจำวันได้ ศึกษาธรรมไม่ใช่เพื่อให้รู้มาก แต่เพื่อให้รู้ถูกค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
วันชัย๒๕๐๔
วันที่ 15 ธ.ค. 2550

ขออนุโมทนาและขอต้อนรับคุณ Black-Garuda ครับ การศึกษาพระธรรมของพระผู้มีพระภาคเป็นไปเพื่อการละ มิได้ศึกษาเพื่อต้องการได้ในสิ่งหนึ่งสิ่งใดทั้งสิ้น การฟังพระธรรมก็เพื่อเข้าใจสภาวธรรมทั้งหลายที่มีอยู่ในทุกๆ ขณะนี้เอง ว่าที่แท้ทุกสิ่งป็นธรรมไม่ใช่ตัวตน สัตว์ บุคคล เรา เขา เมื่อฟังแล้วก็อย่านึกว่าเข้าใจแล้ว แต่ฟังอีกและฟังอีก บ่อยๆ เนืองๆ ทุกครั้งที่มีโอกาสนะครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
orawan.c
วันที่ 15 ธ.ค. 2550

ลองค่อยๆ ค้นคว้าในเว็ป.นี้ดู มีข้อมูลให้ศึกษามากมาย ทั้งฟัง อ่าน สนทนา ฯลฯ โดย สะดวก

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
vipanapa
วันที่ 16 ธ.ค. 2550

ฟังช้า ยังดีกว่าไม่ฟัง ฟังมาก่อน ฟังมานานมาก วันหนึ่งก็อาจจะเลิกฟัง ถ้าไม่เป็นผู้ตรง ถ้าเป็นมิจฉาทิฏฐิ ถ้าฟังเพื่อหวังผล ไม่ได้ฟังเพื่อเข้าใจธรรม

ขออนุโมทนา และขอให้มีความเห็นถูก เข้าใจถูกตลอดไป

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
jurairat
วันที่ 16 ธ.ค. 2550

ขออนุโมทนาในความเห็นถูกที่เข้ามาศึกษาธรรมะซึ่งพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงตรัสรู้และทรงแสดง สิ่งที่สำคัญยิ่งในการศึกษาธรรมะคือ ศรัทธา ที่จะฟังไปเรื่อยๆ ให้เข้าใจยิ่งขึ้นในสภาพธรรมะที่กำลังมีและกำลังปรากฏอยู่ในขณะนี้ เช่น เห็นหรือได้ยิน ไม่ถามว่าเห็นอะไร แต่ให้พิจารณาให้เข้าใจว่า ที่กำลังเห็นอยู่นั้นเป็น จิต เป็นนามธรรมและเป็นสภาพรู้ทำหน้าที่เห็นอย่างเดียว ถามตรงนี้ว่าเห็นอะไร ถ้าตอบว่าเห็นสิ่งนั้นสิ่งนี้หรือคนนั้นคนนี้ ก็คือ จิตอีกประเภทหนึ่งที่รู้ในบัญญัติ ยังไม่รู้จักของจริงที่เป็นธรรมะ เป็นรูปธรรม คือสภาพที่ไม่รู้อะไรทั้งสิ้น คือสิ่งที่ปรากฎทางตา ไม่ใช่สัตว์บุคคลหรือสิ่งอื่นใดที่เรี่ยกชื่อนั้นๆ พระพุทธองค์ให้ศึกษาให้รู้จักของจริง คือสัจจธรรม ที่เป็นนามธรรมและเป็นรูปธรรมให้เข้าใจ ซึ่งเป็น ธรรมะ เป็น อนัตตา และการศึกษาธรรมะจะไม่ล้มเหลวต้องเป็นผู้ตรง ไม่หลอกตนเอง ธรรมะใดปรากฏให้รู้หรือไม่ปรากฏให้รู้ ต้องบอกได้ชัดเจน ยังไม่เข้าใจก็ฟังต่อไปอีก
การฟังทุกวันเป็นเหตุเป็นปัจจัยให้รู้และละความไม่รู้ไปในตัว เพราะรู้แล้วจะบอกว่าไม่รู้ได้อย่างไร พยายามเทียบเคียงพิจารณาความรู้ที่ได้ยินได้ฟังกับธรรมะที่มีในตนปรากฎในชีวิตประจำวันให้ได้

ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทกท่านที่ช่วยเหลือ ดิฉันคงช่วยเหลือได้เล็กน้อยเท่านี้ตามกำลังปัญญาของตน ฟังต่อไปนะคะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
พุทธรักษา
วันที่ 2 ม.ค. 2551

ฟังแล้ว เข้าใจเรื่องที่ได้ยินไหมคะ เข้าใจว่าอย่างไร แน่ใจได้อย่างไรว่าเข้าใจแล้ว ดังนั้น การศึกษาพระธรรมไม่มีวันจบค่ะ ช้าหรือเร็วไม่สำคัญเท่ากับ "ความเห็นถูก"

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
pornpaon
วันที่ 5 ม.ค. 2551

มาแล้วยังดีกว่ามาช้า มาช้ายังดีกว่าไม่มาฟัง แล้วฟังดีต้องฟังซ้ำ ฟังแล้วเข้าใจยิ่งต้องฟัง

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
คุณ
วันที่ 21 ก.ย. 2552

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
chatchai.k
วันที่ 7 พ.ค. 2564

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
yu_da2554hotmail
วันที่ 21 ก.ค. 2565

ขออนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ