ฌานวิถีจิตที่ไม่มีภวังคจิตเกิดแทรกคั่นเป็นฌานสมาบัติ
รูปาวจรปฐมฌานกุศลจิต ที่เกิดเป็นครั้งแรกนั้นเกิดเพียง ๑ ขณะเท่านั้น ต่อเมื่อภายหลังชำนาญขึ้นแล้ว ฌานจิตจึงจะเกิดดับสืบต่อเพิ่มขึ้นๆ ได้ โดยไม่มีภวังคจิตเกิดแทรกคั่นเลย ตามกำหนดเวลาที่ตั้งใจไว้ได้ ฌานวิถีจิตที่เกิดดับสืบต่อกันโดยไม่มีภวังคจิตเกิดแทรกคั่นเลยนั้นเป็น ฌานสมาบัติ คือ เป็นการบรรลุถึงสภาพจิตที่สงบแนบแน่นในอารมณ์ของฌานได้ตามกำหนดเวลาที่ตั้งใจไว้ ก่อนที่ฌานวิถีจิตจะเกิดขึ้น ต้องมีมหากุศลญาณสัมปยุตตจิตเกิดก่อนทุกครั้ง
มหากุศลชวนะขณะที่ ๑ เป็นบริกัมม์ คือ เป็นบริกัมม์ของอัปปนาสมาธิ เพราะปรุงแต่งอัปปนา คือ ถ้ามหากุศลซึ่งเป็นบริกัมม์ไม่เกิด จิตขณะต่อไปและอัปปนาสมาธิคือ ฌานจิตก็เกิดไม่ได้
มหากุศลชวนะขณะที่ ๒ เป็นอุปจาร เพราะเข้าไปใกล้อัปปนาสมาธิ
มหากุศลชวนะขณะที่ ๓ เป็นอนุโลม เพราะอนุกูลแก่อัปปนาสมาธิ
มหากุศลชวนะขณะที่ ๔ เป็นโคตรภู เพราะข้ามพ้นกามาวจรภูมิเพื่อขึ้นสู่รูปาวจรภูมิ
เมื่อมหากุศลชวนะขณะที่ ๔ ดับแล้ว ชวนวิถีจิตขณะต่อไปจึงเป็นรูปาวจรปฐมฌานกุศลจิต รูปาวจรฌานกุศลจิตประกอบด้วยองค์ ๕ คือ วิตก วิจาร ปีติ สุข เอกัคคตาแม้ว่ามีโสภณเจตสิกเกิดร่วมด้วย แต่องค์ประกอบที่ทำให้รูปาวจรปฐมฌานจิตเกิดนั้นได้แก่ เจตสิก ๕ ดวงนี้ ซึ่งเป็นปฎิปักษ์ต่อนิวรณธรรมคือ อกุศลธรรมที่กลุ้มรุมขัดขวางจิตไม่ให้ดำเนินไปในทาง