เลือก..เลือก..เลือก..พิจารณาอย่างไรดี!
หากแต่ว่าสัตว์โลกนั้นถือเอาคุณธรรมหรือธรรมเป็นประมาณในการเลือก ในการตัดสินนั้นหาได้น้อย แสนคนจะมีซักคนหนึ่งจึงเป็นธรรมดา แต่เมื่ออาศัยการเข้าใจพระธรรม ของพระพุทธเจ้ามากขึ้น ปัญญาย่อมเจริญขึ้น ก็จะทำให้คิดหรือเลือกในสิ่งใดก็ด้วยยึดถือธรรมเป็นหลัก มิใช่ความพอใจและถูกใจเป็นสำคัญครับ แต่ต้องเป็นปัญญาถึงจะ เลือกและคิดตัดสินใจถูก ดังเช่นที่กล่าวว่า ศีลพึงรู้ได้ด้วยการอยู่ร่วมกัน ไม่ใช่กาลเล็กน้อย ผู้มีปัญญาจึงจะรู้ได้ครับ หวังว่าคงเป็นประโยชน์กับสหายธรรมทุกๆ ท่านในการเลือกและตัดสินใจไม่ว่าในเรื่องอะไรก็ตามครับ
ขออนุโมทนา
ขออุทิกุศลให้สรรพสัตว์
ขอชื่นชมคุณแล้วเจอกัน ทำได้ดีมากค่ะ ทำให้เว็ปไซด์บ้านธัมมะมีสีสรร น่าดู น่าอ่านค่ะ
๒๓ ธ.ค. นี้ จะได้รู้กันครับ ว่าคนส่วนใหญ่ในบ้านนี้ เมืองนี้ (ที่มีศาสนาพุทธเป็น ศาสนาประจำชาติมาแต่ครั้งโบราณ) เลือกโดยถืออะไรเป็นใหญ่
ปีนี้ พ.ศ.๒๕๕๐ ปลายปี กำลังจะเข้าปีพ.ศ.๒๕๕๑ ลำพังแค่ปีพุทธศักราชก็พอเห็นเค้าลางการเลือกของคนส่วนใหญ่ในบ้านนี้เมืองนี้แล้วว่า จะถือเอาอะไรเป็นใหญ่ ด้วยว่าไม่ใช่กาลสมัยใครจะเลือกอะไรก็ช่างคนนั้นเถิด ดิฉันคงเลือกโดยความใกล้เคียงกับบุคคลที่ ๔ ในสาธุศีลชาดกที่คุณแล้วเจอกันได้จัดทำมาให้อ่าน มากที่สุดเท่าที่จะมีให้เลือกได้นั่นแหละค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
คงทราบกันแล้วนะครับว่า สัตว์โลกถืออะไรเป็นประมาณเป็นส่วนมาก อย่างไรก็ตาม การเข้าใจพระธรรมมากขึ้น ย่อมทำให้ปัญญาเจริญมากขึ้น ก็จะเป็นผู้ตรงและเห็นสิ่งต่างๆ ตามความเป็นจริง ไม่ว่าในเรื่องใดๆ ครับ ก็จะเลือกในสิ่งที่ถูกต้องเพราะมีปัญญา เหมือนคนตาดี ย่อมเห็นว่าสิ่งใดเป็นอย่างไรครับ ธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตาและเป็นไปตามเหตุปัจจัยและนี่ก็สองพันห้าร้อยกว่าปีแล้ว ทุกอย่างก็ย่อมเสื่อมไปเป็นธรรมดา จึงควรเห็นประโยชน์ในการฟังพระธรรม
ขออนุโมทนาครับ
[เล่มที่ ๓๕] พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย จตุกนิบาต เล่ม ๒ - หน้าที่ ๔๖๐
ข้อความบางตอนจาก อรรถกถาวัสสการสูตร
อสัตบุรุษเป็นเหมือนคนบอด สัตบุรุษเป็นเหมือนคนมีจักษุ. คนบอดย่อมมองไม่เห็น ทั้งคนไม่บอด ทั้งคนบอดด้วยกัน ฉันใดอสัตบุรุษย่อมไม่รู้จักทั้งสัตบุรุษ ทั้งอสัตบุรุษฉันนั้น. คนมีจักษุย่อมเห็นทั้งคนบอด ทั้งคนไม่บอดฉันใด สัตบุรุษย่อมรู้จักทั้งสัตบุรุษ ทั้งอสัตบุรุษฉันนั้น
ขออุทิศกุศลให้สรรพสัตว์