อดีตกรรมของ ... ภิกษุ ๕๐๐ รูป

 
บ้านธัมมะ
วันที่  18 ธ.ค. 2550
หมายเลข  6046
อ่าน  902

คำว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราปรารถนาจะหลีกเร้นอยู่สักกึ่งเดือน ความว่า ภิกษุทั้งหลาย เราต้องการพักผ่อน คือหลีกเร้น ได้แก่ อยู่เพียงคนเดียวตลอดกึ่งเดือนหนึ่ง. คำว่า ใครๆ ไม่พึงเข้ามาหาเรา เว้นแต่ภิกษุผู้นำบิณฑบาตรูปเดียว คือ ภิกษุใด ไม่กระทำคำพูดที่ควรแก่ตนนำบิณฑบาตที่เขาจัดไว้ในตระกูลที่มีศรัทธามาเพื่อประโยชน์แก่เราแล้วน้อมเข้าไปให้ นอกจากภิกษุผู้นำเอาบิณฑบาตมาให้รูปเดียวแล้ว ใครอื่น ไม่ว่าจะเป็นภิกษุ หรือคฤหัสถ์ไม่พึงเข้าไปหาเรา. ทำไมจึงตรัสอย่างนั้นเล่า. มีเรื่องเล่าว่า ในอดีตกาล พวกพรานเนื้อ ๕๐๐ คน เอาท่อนไม้และบ่วง เป็นต้น ขนาดใหญ่ๆ มาล้อมป่า ต่างดีอกดีใจ เลี้ยงชีวิตด้วยการทำการฆ่าเนื้อและนกตลอดชีวิตมาด้วยกันทีเดียว (ตายแล้ว) . ก็เกิดในนรก. พวกเขาไหม้ในนรกนั้นแล้ว ด้วยกุศลกรรมบางอย่างที่ทำไว้เมื่อก่อนนั่นแหละ ก็มาเกิดในหมู่มนุษย์ ด้วยอำนาจอุปนิสัยอันงาม ทุกคนก็ได้บรรพชาและอุปสมบทในสำนักพระผู้มีพระภาคเจ้า. เพราะอกุศลกรรมเดิมนั้น ของท่านเหล่านั้น อปราปรเจตนาที่ให้ผลยังไม่เสร็จ ก็ได้ทำโอกาสเพื่อเข้าไปตัดชีวิต ด้วยความพยายามของตัวเอง และด้วยความพยายามของคนอื่น ในภายในกึ่งเดือนนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ทรงเห็นเหตุการณ์นั้น. อนึ่ง ขึ้นชื่อว่า วิบากของกรรมแล้ว ไม่มีใครจะสามารถป้องกันได้ ก็ในภิกษุเหล่านั้น ปุถุชนก็มี พระโสดาบัน พระสกทาคามี พระ- อนาคามี พระขีณาสพก็มี. ในท่านเหล่านั้น ที่เป็นพระขีณาสพ ไม่มีการสืบต่อภพชาติ อริยสาวกนอกนี้ มีคติที่แน่นอนเป็นที่ไปในเบื้องหน้า คติของพวกปุถุชนไม่แน่นอน. อย่างไร.

พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงพระดำริว่า ภิกษุเหล่านี้ เพราะความพอใจรักใคร่ในอัตภาพ กลัวมรณภัยแล้ว จะไม่ศึกษาเพื่อชำระคติ เอาเถิดเราจะแสดงอสุภกถาเพื่อให้ภิกษุเหล่านั้นละความพอใจรักใคร่ พวกเธอ เมื่อได้ฟังอสุภกถานั้นแล้ว. เพราะความที่ปราศจากความพอใจรักใคร่ในอัตภาพแล้วจะทำการชำระคติแล้วจะถือเอาปฏิสนธิในสวรรค์ เมื่อเป็นอย่างนี้ การบวชในสำนักเราของพวกเธอก็จะมีประโยชน์ เพราะเหตุนั้น เพื่ออนุเคราะห์พวกเธอ จึงทรงแสดงอสุภกถา ด้วยทรงนุ่งกัมมัฏฐานเป็นสำคัญ มิใช่ทรงมุ่งจะพรรณนาคุณแห่งความตาย. ครั้นทรงแสดงแล้ว พระองค์ก็ทรงพระดำริอย่างนี้ว่า หากกึ่งเดือนนี้ พวกภิกษุจะเห็นเรา ก็จะพากันมาบอกว่าวันนี้มีภิกษุ ๑ รูป มรณภาพแล้ว วันนี้ ๒ รูป ฯลฯ วันนี้ ๑๐ รูป มรณภาพแล้วก็ผลของกรรมนี้ จะเป็นเราหรือคนอื่นก็ตาม ไม่สามารถจะห้ามได้ เรานั้นถึงได้ยินกรรมวิบากนั้น ก็จะทำอะไรได้. ประโยชน์อะไรของเราด้วยการฟังเรื่องฉิบหายเรื่องพินาศด้วยเล่า เอาล่ะ เราจะหลบไม่ให้ภิกษุทั้งหลายเห็น เพราะฉะนั้น จึงได้ตรัสอย่างนั้นว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราปรารถนาจะหลีกเร้นอยู่สักกึ่งเดือน ใครๆ ไม่พึงเข้ามาหาเรา เว้นแต่ภิกษุผู้นำบิณฑบาตไปให้เพียงรูปเดียว.


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
chatchai.k
วันที่ 31 พ.ค. 2564

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ