จะทราบว่าปัญญาเกิดได้อย่างไร
ต้องทราบว่า ปัญญารู้ลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏในขณะนี้จึงจะเป็นปัญญาที่สามารถจะดับกิเลสได้ เพราะว่าขณะนี้ที่กำลังเห็น ก็ยึดถือว่า เป็นเราเห็น แต่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงว่า ธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา ไม่ใช่คน สัตว์ บุคคล เพราะฉะนั้น กำลังเห็นเดี๋ยวนี้ต้องไม่ใช่เรา แล้วก็ไม่ใช่ตัวตนด้วย เป็นเพียงจิตประเภทหนึ่งซึ่งเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย คือเมื่อมีจักขุปสาท และมีสิ่งที่ปรากฏกระทบตา มีการเห็นเกิดขึ้นแล้วก็ดับไปเพราะเหตุว่า จิตที่เห็น ไม่ใช่จิตที่ได้ยิน
นี่แสดงให้เห็นความต่างกันว่า คนหนึ่งจะมีจิตซ้อนกัน ๒-๓ ขณะไม่ได้ ชีวิตดำรงอยู่แต่ละคนก็เพียงชั่วขณะจิตเดียว เพราะฉะนั้น ในขณะที่เห็น ไม่ใช่ในขณะที่ได้ยิน ด้วยเหตุนี้จึงต้องรู้ความต่างกันก่อนว่าขณะที่เห็นนี้เป็นอนัตตา เป็นนามธรรม เป็นสภาพรู้ ขณะที่ได้ยินก็เป็นอนัตตาเป็นนามธรรม
ต้องมีความรู้ซึ่งเกิดจากการฟัง จนกระทั่งสามารถที่จะเป็นปัจจัยให้สติมีการระลึกได้ ในขณะที่กำลังเห็นในขณะนี้ ตามปกติตามความเป็นจริงมิฉะนั้นแล้ว ก็จะมีแต่สมาธิแล้วก็ไม่รู้ว่า ปัญญานั้นรู้อะไร แต่ก่อนอื่นเมื่อปัญญาเป็นสภาพที่รู้ถูกต้อง คือเริ่มจากความเข้าใจถูกในลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ ก็จะต้องรู้ว่า ปัญญาไม่ใช่รู้อื่น แต่เป็นปัญญาที่สามารถที่จะรู้ชีวิตประจำวันทุกขณะ ตั้งแต่ตื่นจนหลับ ไม่ว่าจะเป็นเห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส รู้สิ่งกระทบสัมผัส คิดนึก