บาป บุญ มีจริงๆ หรือ จะเชื่อได้อย่างไร?
บาป คืออกุศลธรรม เป็นสภาพธรรมที่ไม่ดี ไม่งาม และ ให้โทษ
บุญ คือกุศลธรรม เป็นสภาพที่ดีงาม เป็นประโยชน์ ไม่เป็นโทษกับใครเลย
ฉะนั้น ถ้าไม่มีจิต บาปบุญ ก็ไม่มีภูเขา ก้อนหิน กรวดทราย ต้นไม้ ไม่มีบุญ ไม่มีบาป เพราะไม่มีจิต คิดไม่ได้ ทำอะไรไม่ได้ ฆ่าสัตว์ไม่ได้ ลักทรัพย์ไม่ได้ ถวายทานไม่ได้ บุญบาปจึงเป็นสภาพของจิต ขณะใดที่จิตประกอบด้วย สภาพธรรมที่ดีจึงเป็นบุญ ขณะใดที่จิตประกอบด้วยสภาพธรรมที่ไม่ดีจึงเป็นบาป ไม่มีใครสามารถเห็นจิต หรือดูจิตได้ด้วยตา แต่ว่าสามารถระลึกรู้ลักษณะของจิตได้ เพราะทุกคนมีจิต แต่ทุกคนเพียงรู้ว่ามีจิต
ถ้าไม่ศึกษาโดยละเอียด ก็ยังไม่รู้ว่าที่ว่ามีจิตนั้น จิตอยู่ที่ไหน ขณะเห็นเป็นจิตชนิดหนึ่ง ขณะได้ยินเป็นจิตชนิดหนึ่ง ขณะได้กลิ่นเป็นจิตชนิดหนึ่ง ขณะลิ้มรสเป็นจิตชนิดหนึ่ง ขณะที่รู้เย็นบ้าง รู้ร้อนบ้าง รู้แข็งบ้างก็เป็นจิตชนิดหนึ่ง ขณะคิดนึกเป็นจิตชนิดหนึ่ง และควรพิจารณาให้ละเอียดลงไปอีกว่าจิตเห็นเป็นบาปหรือเปล่า จิตเห็นเพียงเห็น ไม่ใช่อกุศลและไม่ใช่กุศล จิตได้ยิน จิตได้กลิ่น จิตรู้สิ่งที่กระทบสัมผัส ก็ไม่ใช่กุศลจิตและไม่ใช่อกุศลจิต แต่ขณะที่เห็นแล้วชอบ ขณะชอบเป็นโลภมูลจิต เป็นอกุศลจิตซึ่งจะใช้คำว่า บาปก็ได้ เพราะ เป็นจิตที่มีกิเลส ไม่ผ่องใส มีสภาพของโลภเจตสิกซึ่งทำให้ติด พอใจ ยินดี ปรารถนา ต้องการสิ่งที่ได้เห็น สิ่งที่ได้ยินเป็นต้นนั้น ฉะนั้น ขณะนั้นจึงเป็นอกุศล ขณะใดเห็นสิ่งที่ไม่น่าพอใจ ขณะนั้นก็เป็นโทสะ เป็นสภาพที่ขุ่นเคือง ไม่พอใจ ขณะนั้นก็เป็นอกุศล....
ฉะนั้น ที่ถามว่า บาป บุญ มีจริงไหม เมื่อจิตมีจริง และจิตมีทั้งอกุศลจิต และกุศลจิต ขณะใดที่เป็นอกุศลจิต ขณะนั้นเป็นบาป จึงมีจริง ขณะใดที่เป็นกุศลจิตขณะนั้นก็เป็นบุญ จึงมีจริง