จะยับยั้งอกุศลวิตกได้อย่างไร
การเจริญกุศลเป็นสิ่งสำคัญ มิใช่แต่ในการกระทำและคำพูดเท่านั้น ต้องในการคิดนึกด้วย แต่การที่จะคิดในสิ่งที่ดีงามตลอดเวลานั้นก็เป็นไปไม่ได้ เพราะเราสะสมกิเลสมามาก เมื่อระลึกถึงพระพุทธคุณก็เป็นกุศลวิตก แต่จะคิดเรื่องกุศลอย่างเดียวเรื่อยๆ ไม่ได้ วันหนึ่งๆ ที่จะไม่ให้อกุศลวิตกเกิดบ่อยๆ นั้นก็ไม่ได้ จะยับยั้งอกุศลวิตกได้อย่างไร
เวลาระลึกถึงพระพุทธคุณและซาบซึ้งในพระมหากรุณาที่ทรงแสดงธรรมแก่สัตว์โลก ก็เป็นปัจจัยให้เกิดกุศลวิตก เราอาจจะไปนมัสการสังเวชนียสถาน ซึ่งได้แก่สถานที่ประสูติ สถานที่ทรงตรัสรู้ สถานที่ทรงแสดงปฐมเทศนา และสถานที่ทรงดับขันธปรินิพพาน การนมัสการสังเวชนียสถาน เป็นการแสดงความศรัทธาในพระธรรมและการระลึกถึงคุณของพระธรรม ซึ่งแม้จะล่วงไปถึง ๒๕๐๐ กว่าปีแล้วก็ยังมีประโยชน์เกื้อกูลแก่เราในขณะนี้ได้
สังเวชนียสถานเตือนให้ไม่ละเลยที่จะเจริญสติ เป็นปัจจัยให้เกิดกุศลจิตมากมายทีเดียว ขณะที่กุศลจิตเกิดขึ้นก็ละอกุศลวิตกได้ชั่วคราว ไม่ดับหมดสิ้นเป็นสมุจเฉท แต่การเจริญมรรคมีองค์ ๘ ซึ่งเป็นการเจริญวิปัสสนาเท่านั้น ที่จะละอกุศลวิตกหมดสิ้นเป็นสมุจเฉทได้ในที่สุด
เมื่อเจริญวิปัสสนา อกุศลจิตเกิดขึ้นก็ไม่บังคับ เพราะอกุศลวิตกได้เกิดขึ้นแล้ว อกุศลวิตกเป็นสภาพธรรมชนิดหนึ่งซึ่งควรรู้ลักษณะ ในมหาสติปัฏฐานสภาพธรรมทุกชนิดเป็นสติปัฏฐาน เมื่อรู้ว่าไม่มีสภาพธรรมใดที่ไม่ใช่สติปัฏฐาน จะเริ่มรู้ว่าสภาพธรรมทั้งหลายเป็นเพียงนามธรรมและรูปธรรมเท่านั้น
ฉะนั้น เมื่ออกุศลวิตกเกิดขึ้น ทำไมจึงจะไม่ระลึกรู้ว่าเป็นเพียงนามธรรมชนิดหนึ่งเท่านั้นเอง เมื่อรู้ลักษณะของอกุศลวิตกชัดขึ้น ก็จะละคลายการยึดถือว่าเป็นตัวตนลง เมื่อยังไม่ใช่พระอรหันต์ อกุศลธรรมก็ย่อมเกิด อกุศลธรรมจะดับหมดสิ้นเป็นสมุจเฉทก็เมื่อบรรลุเป็นพระอรหันต์แล้วเท่านั้น
เมื่ออกุศลจิตเกิดขึ้น มิใช่จะไปพยายามบังคับจิตไม่ให้เป็นอกุศล แต่สติควรระลึกรู้อกุศลจิตที่เกิดขึ้นขณะนั้นว่าเป็นเพียงนามธรรม (สภาพรู้) เท่านั้น ไม่ใช่ตัวเรา