เรื่อง ภารกิจของพระพุทธเจ้า (๓)
ในปัจฉาภัต เขานุ่งห่มเรียบร้อย ถือของหอม และดอกไม้ เป็นต้น ประชุมกันในวิหาร ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้า ฯ เสด็จไปด้วยปาฏิหาริย์อันเหมาะสมแก่บริษัทที่ประชุมกัน ประทับนั่งเหนือบวรพุทธอาสน์ที่เขาปูลาดไว้ในธรรมสภา แสดงธรรมนี้สมควรแก่กาล สมควรแก่สมัย ครั้นทรงทราบเวลาจึงทรงส่งบริษัทไป มนุษย์ทั้งหลายพากันถวายบังคมพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้วหลีกไป นี้เป็นกิจในปัจฉาภัต
ครั้นพระองค์เสร็จกิจในปัจฉาภัตอย่างนี้แล้ว ถ้ามีพระประสงค์จะโสรจสรงพระวรกาย ทรงลุกจากพุทธอาสน์ เสด็จเข้าซุ้มเป็นที่สรง ทำพระวรกายให้เหมาะกับฤดูกาลด้วยน้ำที่อุปัฏฐากจัดถวาย ฝ่ายอุปัฎฐากได้นำพุทธอาสน์มาปูไว้ในบริเวณพระคันธุฎี พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงนุ่งผ้าที่ย้อมแล้ว ๒ ชั้น คาดประคดเอว ทำเฉวียงบ่า เสด็จมาประทับนั่ง ณ ที่นั้น เร้นอยู่ครู่หนึ่งแต่พระองค์เดียว
ลำดับนั้น ภิกษุทั้งหลายมาจากที่นั้นๆ ไปยังที่อุปัฏฐากพระผู้มีพระภาคเจ้า บรรดาภิกษุเหล่านั้น บางพวกถามปัญหา บางพวกขอกัมมัฏฐาน บางพวกขอฟังธรรม พระผู้มีพระภาคเจ้า ฯ ทรงทำความประสงค์ของภิกษุเหล่านั้นให้สำเร็จ ให้ปุริมยามล่วงไป นี้เป็นกิจในปุริมยาม ก็ในเวลาที่กิจในปุริมยามสิ้นสุดลง เมื่อภิกษุทั้งหลายถวายบังคมพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้วหลีกไป เหล่าเทวดาในหมื่นโลกธาตุทั้งสิ้น ได้โอกาสเข้าเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า ถามปัญหาตามที่แต่งขึ้นโดยที่สุดถามถึงอักขระทั้ง ๔
พระผู้มีพระภาคเจ้าเมื่อทรงแก้ปัญหาของเทวดาเหล่านั้น ก็ให้มัชฌิมยามล่วงไป นี้เป็นกิจในมัชฌิมยาม ก็พระผู้มีพระภาคเจ้า ฯ ทรงแบ่งปัจฉิมยามออกเป็น ๓ ส่วน แล้วทรงให้ส่วนหนึ่งล่วงไปด้วยการจงกรม เพื่อจะทรงปลดเปลื้องความบอบช้ำแห่งพระวรกาย ซึ่งถูกการนั่งจำเดิมแต่ปุเรภัตบีบคั้น ในส่วนที ๒ พระองค์เสด็จเข้าไปยังพระคันธกุฏีทรงมีพระสติสัมปชัญญะ สำเร็จสีหไสยาสน์โดยพระปรัศว์เบื้องขวา ในส่วนที่ ๓ พระองค์เสด็จลุกขึ้นประทับนั่งตรวจดูสัตว์โลกด้วยพุทธจักษุ เพื่อทรงเห็นบุคคลผู้ที่ได้สร้างบุญญาธิการไว้โดยคุณมีทานและศีล เป็นต้น ในสำนักแห่งพระพุทธเจ้าในปางก่อนทั้งหลาย นี้เป็นกิจในปัจฉิมยาม