จะรู้ได้อย่างไรว่าใครเป็น - พระอริยะ
เราทราบได้อย่างไรว่า พระพุทธเจ้าหมดกิเลสและไม่เกิดอีกแล้ว คือ ปรินิพพาน จะรู้ได้อย่างไรว่าใครเป็นพระอริยะนิพพานตามพระพุทธเจ้า
ความเห็นของแต่ละคนแตกต่างกันได้ ตามความคิด ตามความเข้าใจ ไม่ว่าจะนับถือพระพุทธศาสนา หรือศาสนาอะไรก็ตาม พุทธศาสนิกชนบางคนก็ยังคิดว่า พระพุทธเจ้าทรงหมดกิเลสแล้ว และขณะนี้ก็ยังช่วยเหลือมนุษย์อยู่ ยังไม่ปรินิพพาน ยังเป็นพระโพธิสัตว์อยู่ ซึ่งก็เป็นความเข้าใจและความเชื่อของพุทธศาสนิกชนที่คลาดเคลื่อนแตกต่างกันไปตามการพิจารณาและการเข้าใจพระธรรม แต่ขอให้ทราบความหมายของคำว่า "พุทธ"
พุทธ แปลว่า ผู้ตรัสรู้สภาพธรรมตามความเป็นจริง ที่สงสัยว่า พระพุทธเจ้าทรงหมดกิเลส หรือไม่ ก็น่าจะหมดสงสัยได้ด้วยการศึกษาพระธรรม และจะรู้ว่าผู้ที่ทรงแสดงธรรมเช่นนี้ ทรงแสดงหนทางปฏิบัติเช่นนี้ ยังเป็นผู้ที่มีกิเลสอยู่ หรือเป็นผู้ที่หมดกิเลสแล้ว แต่ละท่านย่อมพิสูจน์ธรรมได้ด้วยตนเอง
พระผู้มีพระภาค ฯ ได้ทรงแสดงธรรม และทรงแสดงหนทางปฏิบัติที่ทำให้ปุถุชนผู้หนาแน่นด้วยกิเลส ดำเนินไปถึงความเป็นพระอริยบุคคลได้ จึงเป็นเรื่องที่ปุถุชนจะพิสูจน์ว่า พระธรรมที่ทรงแสดงนั้น จริงหรือไม่ ไม่ว่าเรื่องจิต เรื่องกุศล เรื่องกิเลสต่างๆ นั้น จริงหรือไม่ เรื่องวิบากที่เป็นผลของกรรมตั้งแต่เกิด และเป็นผลของกรรมในขณะเห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส รู้โผฏฐัพพะ จริงหรือไม่
พระธรรมที่พระผู้มีพระภาคฯ ทรงแสดงนั้น เป็นหนึ่งไม่เป็นสองคือ ไม่เปลี่ยนสภาพเป็นอย่างอื่น ฉะนั้น ผู้ที่ได้ศึกษาพระธรรมโดยละเอียดจึงรู้ว่าพระธรรมที่ทรงแสดงนั้น เป็นธรรมของผู้ที่รู้แจ้งอริยสัจจธรรม และดับกิเลสหมดสิ้นแล้วจริงๆ ซึ่งถ้ายังไม่ได้ศึกษาก็ยังคงสงสัยอยู่ ถึงแม้ว่าจะได้ศึกษาบ้างแล้ว แต่ยังไม่ได้ประพฤติปฏิบัติตาม ก็ยังสงสัยในอริยสัจจธรรมอยู่นั่นเอง
เมื่อสงสัยในอริยสัจจธรรม ก็สงสัยในพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า และพระสาวกผู้ดับกิเลสหมดสิ้นแล้วว่า จะปรินิพพานได้หรือหนอ ความสงสัยนี้จะดับหมดสิ้นไปได้ ก็ด้วยการประพฤติปฏิบัติตามพระธรรมจนรู้แจ้งอริยสัจจธรรมด้วยตนเอง
คนที่บรรลุเป็นพระโสดาบันก็จะรู้ว่าใครเป็นพระโสดาบัน แต่คนที่เป็นพระโสดาบันก็ไม่สามารถรู้ได้ว่าใครเป็นพระอนาคามีค่ะ ส่วนปุถุชนไม่สามารถรู้ได้ว่าใครเป็นพระอริย ได้แต่เดาค่ะ พระอริยกับพระอริยจึงจะรู้กันได้ตามคุณธรรมที่บรรลุค่ะ
ขออนุโมทนาค่ะ คงไม่มีทางรู้ได้ว่าผู้ใดเป็นพระอริยเจ้าบ้างเอาแค่ว่าสงสัย ไม่แน่ใจ ก็แปลว่ายังไม่รู้ ไม่เข้าใจเมื่อไม่รู้ ไม่เข้าใจ ย่อมไม่มีทางรู้เรื่องของผู้อื่นอยู่แล้วค่ะ สำคัญยิ่งกว่านั้นคือ ไม่รู้จักตนเอง ดิฉันก็ยังเป็นผู้ที่ต้องฟังมาก ศึกษามากอยู่เพราะความไม่รู้ ความไม่เข้าใจ ความไม่แน่ใจยังมีอยู่อีกมากแสนมากเลยค่ะ