ควรจะระลึกรู้สภาพธรรมใดก่อน

 
บ้านธัมมะ
วันที่  21 ธ.ค. 2550
หมายเลข  6543
อ่าน  1,936

สภาพธรรมเกิดพร้อมกันหลายอย่าง ควรจะระลึกรู้สภาพธรรมใดก่อน

เป็นความจริงที่สภาพธรรมเกิดพร้อมกันหลายอย่าง เช่น รูปร่างกายประกอบด้วยรูปหลายชนิด เกิดดับสืบต่อกัน รูปดิน น้ำ ไฟ ลม เกิดร่วมกันและดับไปพร้อมกัน แต่จิตรู้ลักษณะของสภาพธรรมได้ทีละอย่าง เพราะจิตดวงหนึ่งก็รู้อารมณ์หนึ่งเท่านั้น

เมื่อสัมมาสติเกิดร่วมกับจิต ก็ย่อมระลึกรู้สภาพธรรม ได้ทีละหนึ่งอย่าง เวลาที่บอกว่าลักษณะแข็งปรากฏ ก็ไม่ใช่ว่ารูปแข็งรูปเดียวเกิดขึ้นในขณะนั้นโดยที่ไม่มีรูปอื่นๆ เกิดด้วย เวลาที่กล่าวว่าลักษณะแข็งปรากฏนั้น ก็หมายความว่า ขณะนั้นจิตรู้สภาพที่แข็ง

เมื่อสติเกิดร่วมกับจิตใด สติก็ระลึกรู้อารมณ์เดียวกับจิตนั้น ขณะนั้นสติก็ระลึกรู้ว่า สภาพแข็งนั้นเป็นลักษณะของรูปอย่างหนึ่ง ไม่ใช่ตัวตน การที่สติจะระลึกรู้อารมณ์ใดนั้นบังคับไม่ได้ ไม่มีกฎเกณฑ์ว่า ให้สติระลึกสภาพธรรมใดก่อนหลัง แล้วแต่สติที่จะระลึกรู้นามธรรมใด และรูปธรรมใด

การรู้ชัดในลักษณะของสภาพธรรมด้วยการเจริญสตินั้น ไม่ใช่การรู้โดยขั้นปริยัติ ในพระสูตรจะสังเกตได้ว่า พระผู้มีพระภาค ฯ ตรัสเนืองๆ เรื่องการรู้ชัดในลักษณะของนามธรรม และรูปธรรมทางทวาร ๖ เช่น ใน สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค สัปปายสูตรที่ ๑ พระผู้มีพระภาคตรัสกะภิกษุทั้งหลายว่า

ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราจะแสดงปฏิปทา อันเป็นอุปการะแก่นิพพานแก่เธอทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงฟัง ฯลฯ

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ปฏิปทาอันเป็นอุปการะแก่นิพพาน เป็นไฉน ภิกษุในศาสนานี้ ย่อมเห็นว่าจักขุไม่เที่ยง รูปทั้งหลายไม่เที่ยง จักขุวิญญาณไม่เที่ยง จักขุสัมผัสไม่เที่ยง แม้สุขเวทนา ทุกขเวทนา หรืออทุกขมสุขเวทนา ที่เกิดขึ้นเพราะจักขุสัมผัสเป็นปัจจัยก็ไม่เที่ยง ฯลฯ …

ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เป็นปฏิปทาอันเป็นอุปการะแก่นิพพานฯ

การคิดพิจารณาว่า สภาพธรรมทั้งหลายไม่เที่ยงนั้น จะทำให้บรรลุนิพพานได้หรือ การละคลายการยึดถือว่าเป็นตัวตนนั้น หมดสิ้นไปเพียงด้วยการคิดนึกเท่านั้นไม่ได้ ปัญญาที่รู้ลักษณะของนามธรรม และรูปธรรมที่กำลังปรากฏเท่านั้น ที่รู้ชัดในสภาพธรรมตามความเป็นจริงได้ เมื่อรู้ชัดสภาพธรรมตามความเป็นจริงแล้ว ก็ละคลายความเห็นผิดว่า เป็นตัวตนได้จริงผู้ที่เข้าใจผิดว่ารู้สภาพธรรมแล้ว ย่อมไม่เข้าใจความหมายของพระสูตรนี้ ทำไม พระผู้มีพระภาค ฯ จึงตรัสแล้วตรัสอีกว่า จักขุ จักขุวิญญาณ รูปารมณ์ไม่เที่ยง เพื่อทรงโอวาทให้สาวกเจริญสติ เพื่อวันหนึ่งจะได้รู้สภาพธรรมตามความเป็นจริง


  ความคิดเห็นที่ 3  
 
suwit02
วันที่ 20 ส.ค. 2551

สาธุ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
ธนฤทธิ์
วันที่ 7 เม.ย. 2554
ขอขอบคุณและขออนุโมทนาครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
ลุงหมาน
วันที่ 28 พ.ค. 2554

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
isme404
วันที่ 29 พ.ค. 2555

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
chatchai.k
วันที่ 1 ส.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
yu_da2554hotmail
วันที่ 12 เม.ย. 2565

ขออนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ