อวิชชา คือ ศีรษะ
[๕๐] อ. พาวรีพราหมณ์ย่อมถามถึงศีรษะ และธรรมอันทำให้ศีรษะตกไป ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้ทรงแสวงหา ขอพระองค์ทรงโปรดพยากรณ์ข้อนั้น กำจัดเสียซึ่งความสงสัยของข้าพระองค์ทั้งหลายเถิด
[๕๑] พ. ท่านจงรู้เถิดว่า อวิชชาเป็นศีรษะ วิชชาประกอบกับศรัทธา สติ สมาธิ ฉันทะและวิริยะ เป็นธรรม เครื่องยังศีรษะให้ตกไป
อวิชชาเปรียบเหมือนศีรษะ ย่อมหมดไปได้ดัวยความรู้คือ ปัญญาประกอบกับศรัทธา สติ สมาธิ ฉันทะ วิริยะ เป็นธรรมที่ทำให้อวิชชา หมดไปได้ อวิชชาลดลงหรือหมดไปได้ก็เพราะวิชชาหรือปัญญาซึ่งเกิดจากการอบรมเจริญสติปัฏฐาน ระลึกรู้ลักษณะของนามรูปไปทีละน้อยจนรู้ชัด รู้ทั่ว จนปัญญาเจริญขึ้นรู้แจ้งแทงตลอด ละอวิชชาและตัณหาได้เป็นสมุทเฉทปัญญาต้องอาศัย ศรัทธา สติ สมาธิ ฉ้นทะและวิริยะจีงเกิด และค่อยๆ เจริญขึ้นได้ ศรัทธา สติ สมาธิ เราก็เข้าใจแล้วว่าจำเป็นและสำคัญมากแต่ฉันทะและวิริยะ เรามักจะลืมว่าสำคัญมากดัวยเพราะมีข้อความในพระไตรปิฏกว่า ผู้ที่อบรมเจริญสติปัฏฐานต้องเป็นผู้ที่มีความพอใจอย่างแรงกล้าและมีความเพียรอย่างแรงกล้า แม้แต่ผู้ที่จะเจริญเมตตาก็ต้องเป็นผู้ที่มีความพอใจอย่างแรงกล้า ในการที่จะเจริญเมตตา นะครับ