กายในกาย เป็นอย่างไร
เราใช้ภาษาคำพูดเพื่อเป็นสื่อให้เข้าใจความหมาย บางครั้งคำพูดหมายถึงสิ่งที่มีจริงๆ ซึ่งสามารถจะรู้ได้โดยตรง บางครั้งคำพูดก็แสดงถึงความคิดนึก เราจะต้องศึกษาให้รู้ว่า พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงพระสัทธรรมว่าอย่างไร ไม่เช่นนั้นเราก็ยังคงเป็นผู้ที่ไม่รู้ความจริงของสิ่งที่เกิดขึ้นภายในตัวเราและรอบๆ ตัวเรา เมื่อเป็นเช่นนั้นก็ย่อมไม่สามารถกำจัดความผิด และความเลวร้ายต่างๆ ให้หมดสิ้นไปได้ และเราจะไม่เป็นอิสระจากการถูกจองจำไว้ด้วยโลกธรรม ๘ สภาพจิตขณะต่างๆ นั้นมีจริงๆ ไม่ใช่เพียงคิดว่ามี จิตเป็นสภาพธรรมซึ่งรู้ได้ว่ามีจริงๆ ในขณะนี้ เดี๋ยวนี้ เราสามารถที่จะรู้ลักษณะของจิตที่ดี และจิตที่ไม่ดีขณะที่จิตนั้นปรากฏ
โลภะและโทสะ เกิดจากการเห็นทางตา ได้ยินทางหูและทางทวารต่างๆ ก่อนที่โลภะและโทสะจะเกิดจากการเห็นได้นั้น จะต้องมีขณะที่เพียงแต่เห็นเท่านั้น ขณะนี้มีเห็นไหม เป็นสภาพธรรมที่มีจริงที่รู้ได้ การเห็น การได้ยิน การได้กลิ่น การลิ้มรส การกระทบสัมผัสและความคิดนึกเป็นสภาพธรรมที่มีจริง ไม่ใช่เพียงแต่คิดว่ามีเท่านั้น มีจิตขณะต่างๆ ซึ่งจะรู้ได้เมื่อปรากฏ
พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงแสดง ลักษณะสภาพธรรมที่มีจริงซึ่งสามารถรู้ได้ สภาพธรรมที่มีจริงนั้นต่างกับสมมติบัญญัติและมโนภาพ การเห็นเป็นสภาพรู้สิ่งที่ปรากฏให้รู้ได้ทางตา การเห็นแตกต่างจากความคิดนึกเรื่องที่เห็น แตกต่างจากโลภะ การเห็นเป็นเพียงแต่เห็น การได้ยินเป็นสภาพธรรมที่รู้เสียงซึ่งปรากฏให้รู้ได้ทางหู การได้ยินแตกต่างจากความคิดนึกว่า เราได้ยินอะไร เช่น ได้ยินเสียงใครหรือเสียงสุนัขเห่า เสียงเป็นสภาพธรรมที่มีจริงซึ่งสามารถรู้ได้ทางหู แต่เสียงไม่รู้อะไร เสียงต่างจากการได้ยิน การรู้รส รสซึ่งสามารถปรากฏให้รู้ได้ รสไม่รู้อะไร รสต่างจากการรู้รส