การตักบาตรแก่พระภิกษุที่มีมากเหลือแล้ว
การตักบาตรแก่พระภิกษุที่มีมากเหลือแล้ว กับการให้อาหารแก่ผู้ที่อดอยาก มีกุศลต่างกันอย่างไร
จุดประสงค์ของการเจริญกุศล ในพระพุทธศาสนานั้น เพื่อขัดเกลากิเลสเพราะมีกิเลสมากจึงทำทุจริต ฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ เบียดเบียนกัน ทุกคนคงไม่อยากเป็นอย่างนั้น คงไม่อยากให้กิเลสของตนเองแรง ถึงขั้นกระทำกรรมเช่นนั้นลงไป ถ้าไม่เจริญกุศล กิเลสก็มีแต่จะหนาขึ้นทุกวัน เห็นสิ่งที่สวยก็ชอบ ได้ยินเสียงที่ดีก็พอใจ เท่าไหร่ก็ไม่พอ มีแต่ความปรารถนา มีแต่ความต้องการเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ถ้าไม่เจริญกุศลก็จะมีแต่เพิ่มกิเลส และ สะสมอกุศลมากขึ้น
ฉะนั้น ผู้ที่เห็นภัยของอกุศลจึงเจริญกุศลเพื่อละอกุศลให้เบาบางลง จะด้วยการเจริญกุศลทางหนึ่งทางใดก็ตาม กุศล คือสภาพธรรมที่ดีงาม จิตใจในขณะที่ให้ เป็นจิตที่ดีงาม ไม่ตระหนี่ ไม่หวงแหน จึงสละได้ในขณะที่ให้สิ่งใดนั้น ขอให้สังเกตและพิจารณาจิตใจในขณะนั้นว่าต้องไม่มีความหวงแหน ติดข้องในวัตถุที่จะให้ เพราะถ้ายังพอใจหวงแหนติดข้อง ก็ให้ไม่ได้
ฉะนั้น จิตที่สามารถสละวัตถุให้เป็นประโยชน์แก่ผู้อื่นได้ จึงเป็นกุศลจิต ขณะใดที่กุศลจิตเกิดขณะนั้นอกุศลจิตก็เกิดไม่ได้ แต่ขณะใดที่กุศลจิตไม่เกิด ขณะนั้นอกุศลจิตก็เกิดเพิ่มพูนมากขึ้น เมื่อเข้าใจอย่างนี้แล้วว่า จิตในขณะที่ให้นั้นเป็นกุศล คือเป็นจิตที่ดีงาม ทำไมจึงจะต้องเลือก หรือจะต้องคิดว่าจะให้ใคร ระหว่างพระภิกษุที่มีมากเหลือแล้ว กับการให้อาหารแก่ผู้ที่อดอยาก เมื่อจิตที่ดีงามเกิดขึ้นในขณะนั้นและคิดถึงประโยชน์ของผู้รับแล้วก็ให้ทันที
ฉะนั้น จึงควรเจริญกุศลทุกทาง ทุกโอกาส เพราะเมื่อเป็นโอกาสของกุศลแล้วไม่ทำกุศล โอกาสของกุศลก็หมดไป ในวันหนึ่งๆ ลองพิจารณาดูว่า อกุศลมากหรือกุศลมาก ฉะนั้น เมื่อมีโอกาสที่จะเจริญกุศลทางใด ก็ไม่ควรให้โอกาสนั้นผ่านไป เพราะเมื่อกุศลไม่เกิด อกุศลก็เกิด
เคยแนะนำให้คนที่เคยทำบุญกับวัดที่มีทุกสิ่งทุกอย่างมากมายเหลือล้น แล้วมักสร้างแต่วัตถุสารพัดที่จะดึงดูดคนมาทำบุญ เช่น สร้างเม็ดขนุนทองราคาเป็นแสนเป็นล้าน เสาต้นละเป็นหมื่น ว่าต่อไปให้เขาเปลี่ยนไปทำบุญกับวัดที่ไม่มีแม้แต่พระประทานหรือ โบถส์สำหรับทำกิจกรรมทางศาสนาบ้าง จะเป็นการแนะนำที่เป็นอกุศลแก่วัดดังกล่าวข้างต้นหรือไม่ ขัดศร้ทราเขาหรือไม่ ต้องขออภัยเขาหรือไม่
ขออนุโมทนามา ณ ที่นี้ด้วย