แผ่ส่วนกุศลให้กับเจ้ากรรมนายเวรได้ไหม

 
บ้านธัมมะ
วันที่  22 ธ.ค. 2550
หมายเลข  6633
อ่าน  6,149

หลังจากทำสมาธิ แล้วแผ่ส่วนกุศลให้กับเจ้ากรรมนายเวร เขาจะแสดงให้เรารับรู้ได้บ้าง ใช่ไหมค่ะ

ใครมองเห็นเจ้ากรรมนายเวรบ้าง ฟังดูเสมือนว่าทุกคนมีเจ้ากรรมนายเวร แต่ตามความเป็นจริงนั้น ทุกคนเป็นทายาทของกรรมของตนเอง กรรมที่กระทำแล้วในอดีตย่อมเป็นเหตุเป็นปัจจัยให้ผลเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นผลดีที่กำลังได้รับความสุข ทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ก็ไม่ใช่บุคคลอื่นบันดาลให้ แต่กุศลที่ผู้นั้นได้กระทำแล้วในอดีตเป็นเหตุเป็นปัจจัยให้เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส สัมผัสสิ่งที่ดี ฉะนั้น เมื่อกุศลให้ผลก็ทำให้ได้รับความสุขทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ก็ฉันนั้น ถ้าถูกคนอื่นทำร้ายก็อาจจะคิดว่าเพราะคนนั้นทำ แต่ถ้าไม่ได้ถูกใครทำร้ายเลย เวลาตกบันไดหรือเจ็บป่วยต่างๆ นั้น ใครทำให้

ฉะนั้น แต่ละคนจึงมีกรรมของตนเอง เป็นเหตุเป็นปัจจัยที่จะทำให้ผลของกรรมเกิดขึ้นรับรู้อารมณ์ต่างๆ สิ่งต่างๆ ที่ปรากฏทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ฉะนั้นเรื่องเจ้ากรรมนายเวร จึงเป็นเรื่องรับฟังต่อๆ กันมา โดยไม่รู้ว่าใครเคยเห็นเจ้ากรรมนายเวร ที่ไหน เมื่อไหร เพียงแต่นึกว่า มีบุคคลที่เป็นเจ้ากรรมนายเวรที่ทำให้เป็นทุกข์เดือดร้อนต่างๆ แต่ความจริงนั้น ทุกคนมีกรรมเป็นของของตนเอง ฉะนั้นท่านเป็นเจ้ากรรมนายเวรของท่านเองหรือเปล่า ในเมื่อคนอื่นไม่สามารถจะทำกรรมให้ท่านได้ ไม่ว่าจะเป็นกุศลกรรมหรืออกุศลกรรมก็ตาม

เมื่อทำกุศลใดๆ แล้วควรอุทิศส่วนกุศลที่ได้กระทำแล้วนั้นให้บุคคลอื่นอนุโมทนา การอุทิศส่วนกุศลก็เป็นกุศลอีกประเภทหนึ่ง การอุทิศส่วนกุศลนั้นอุทิศให้กับมนุษย์ทั้งหลายที่สามารถรับรู้ในส่วนกุศลนั้นได้ โดยไม่จำเป็นต้องเจาะจงเจ้ากรรมนายเวร เพราะในสังสารวัฎฎ์ที่ยาวนานนับไม่ได้เลยนี้ ไม่มีใครจำได้ว่า ใครเป็นเจ้ากรรมนายเวร หรือตัวท่านเองเป็นเจ้ากรรมนายเวรของใคร ต่างคนก็ต่างเป็นเจ้ากรรมนายเวรกัน โดยไม่รู้จักหน้าค่าตาว่า เคยเป็นเจ้ากรรมนายเวรกันตั้งแต่ในครั้งไหนในสังสารวัฎฎ์

ฉะนั้น ทุกท่านที่กำลังนั่งอยู่ในที่นี้ ต่างเป็นเจ้ากรรมนายเวรที่มองไม่เห็น ใครก็ตามที่ทำให้ท่านไม่พอใจในชาตินี้ คนนั้นแหละคือ ผู้ที่ท่านเคยทำกรรมไม่ดีกะเขาครั้งหนึ่งในสังสารวัฎฎ์ได้ไหม ถ้าคิดอย่างนี้แล้ว ไม่โกรธ ไม่เกลียด ให้อภัยผู้นั้นทันที ไม่ต้องรอจนกระทั่งไปทำสมาธิแล้วแผ่ส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวรที่มองไม่เห็น แต่ที่ควรจะแผ่จริงๆ คือ ใครก็ตามที่ทำให้ท่านโกรธ ไม่สบายใจ ขุ่นเคืองใจ คนนั้นแหละกำลังมีเวรต่อกัน ที่ท่านควรจะอภัยให้ เมื่อไม่โกรธเคืองผู้ใด ก็หมดเวรกรรมกับผู้นั้น


  ความคิดเห็นที่ 2  
 
เจริญในธรรม
วันที่ 12 มี.ค. 2551
ขออนุโมทนา
 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
พยายาม
วันที่ 12 ก.ค. 2551

ขอบคุณที่ชี้แนะค่ะขอให้บุณรัษานะค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
คุณ
วันที่ 22 ส.ค. 2551
ขออนุโมทนาค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
bauloy
วันที่ 27 ต.ค. 2551

เข้าใจเลย....คนส่วนใหญ่ยังเข้าใจผิดๆ อยู่มาก

ขออนุโมทนาครับ....

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
เมตตา
วันที่ 13 มี.ค. 2553

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
one_someone
วันที่ 3 ส.ค. 2554

ขออนุโมทนา

การศึกษาพระธรรมต้องเป็นผู้ละเอียด

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
bauloy
วันที่ 9 ส.ค. 2554

ขอนอบน้อมพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขออนุโมทนาท่านผู้ให้ความกระจ่าง ทั้งท่านผู้ตั้งคำถามและทุกท่านที่แสดงความคิดเห็น เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งครับ ในเรื่องดังกล่าว เพราะไม่รู้ จึงเข้าใจว่าต้องอุทิศให้เจ้ากรรมนายเวร ทั้งๆ ที่ไม่มีใครเป็นเจ้ากรรมนายเวรใคร โดยความเป็นจริงแล้วเราทั้งหลายมีกรรมเป็นของตนเองทั้งสิ้น โดยส่วนใหญ่การศึกษาในปัจจุบันควรที่จะอ้างอิงจากในพระไตรปิฏก รวมทั้งสนใจในเรื่องรายละเอียดเช่นนี้ให้มากๆ ครับ เนื่องจากจะทำให้เข้าใจผิดๆ กันไปเรื่อยๆ จนเป็นเรื่องที่ถูกด้วยความไม่รู้

ขอขอบพระคุณครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
khunpit
วันที่ 17 ก.พ. 2556

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
ใหญ่ราชบุรี
วันที่ 23 พ.ค. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
chatchai.k
วันที่ 30 ก.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
yu_da2554hotmail
วันที่ 18 มี.ค. 2565

ขออนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ