พิจารณาอย่างไร
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
การได้เกิดเป็นมนุษย์เป็นสิ่งที่ยากมากๆ และการได้มีโอกาสได้พบพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าด้วยยิ่งยาก ดังนั้นควรพิจารณาด้วยปัญญาว่า เราทุกข์เพราะอะไร ต้องมีเหตุครับ คือกิเลสนั่นเอง ดังนั้น เมื่อกิเลสมี หนทางที่จะดับกิเลสก็ต้องมี ด้วยการอบรมปัญญา เพราะปัญญาเท่านั้นที่ดับกิเลสได้ครับ แต่ไม่ใช่การฆ่าตัวตาย เพราะปัญญาไม่ได้เกิดจากการฆ่าตัวตาย แต่เกิดจากการฟังพระธรรมที่ถูกต้อง
เราได้เกิดเป็นมนุษย์แล้ว ได้พบพระธรรมที่จะทำให้ดับทุกข์ได้ แม้จะใช้เวลานาน แต่ก็หนทางเดียวครับ เมื่อพิจารณาด้วยปัญญาดังนี้ ควรใช้ชีวิตให้เป็นประโยชน์คือศึกษาพระธรรม ตราบใดเป็นปุถุชนก็ต้องมีทุกข์เพราะกิเลสและทุกข์กายกันทั้งนั้นครับ แต่เมื่อเป็นทุกข์แล้ว ควรแสวงหาสิ่งที่ดับทุกข์อย่างแท้จริงและเป็นการแก้ปัญหาให้ตรงจุดครับ ปัญญาเท่านั้นที่จะช่วยได้
หาได้จากเวปนี้ครับ
ขออนุโมทนา
เชิญคลิกอ่านที่นี่ครับ ...
เรื่อง แม้แต่พญายมยังอยากมาเกิดเป็นมนุษย์ และพบพระพุทธศาสนา
[เล่มที่ 34] พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ติกนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้าที่ ๑๕๑
ข้อความบางตอนจาก...
ทูตสูตร
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เรื่องเคยมีแล้ว ความปริวิตกนี้ได้มีแก่ พญายม ว่า ได้ยินว่า ชนเหล่าใดทำกรรมทั้งหลายที่เป็นบาปในโลก ชนเหล่านั้นย่อมถูกทำกรรมกรต่างๆ เช่นอย่างนี้ เจ้าประคุณ ขอให้ข้า ฯ ได้เป็นมนุษย์เถิด กับขอพระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพึงบังเกิดในโลก ขอให้ข้า ฯ ได้เข้าใกล้พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น ขอพระผู้มีพระภาคเจ้านั้นพึงทรงแสดงธรรมและขอให้ข้าฯ พึงรู้ทั่วถึงธรรมของพระผู้มีพระภาคเจ้านั้นเถิด
เมื่อยังวัยรุ่นอยู่ดิฉันไม่ได้รู้จักพระธรรม เคยฆ่าตัวตายหนหนึ่ง โดยไม่คำนึงถึงบุคคลที่รักเราจนยอมตายแทนเราได้ ทุกวันนี้ดิฉันได้ฟังธรรมเริ่มสะสมความเห็นถูก จึงได้รู้ว่า การที่ดิฉันรอดมาได้ในวันนั้นเป็นเรื่องสำคัญมาก โชคดีที่สุดที่ยังมีชีวิตอยู่ ทำให้มีโอกาสได้รู้จักกับพระธรรม ได้พบกับกัลยาณมิตรในวันนี้ มีคืนวันในชีวิตมากเท่าไร ก็เท่ากับมีโอกาสได้สะสมเหตุที่ถูกมากขึ้นเท่านั้น กำลังใจใดๆ หากมันหดหายไปบ้างขอลองอ่านพระสูตรต่างๆ แล้วจะเห็นได้ว่า มีคนมากมายต้องเผชิญเหตุต่างๆ กันไปด้วยเพราะการสะสมเหตุมาทั้งสองฝ่าย ฉะนั้น ความหดหู่ อึดอัด ขัดเคืองใจเมื่อเกิดขึ้นแล้วย่อมดับไป หากแม้นจะต้องเหลือเวลาเพียง ๑ วัน ตามเหตุปัจจัย ขอวันนั้นเป็นวันที่ไม่เสียไปเปล่า ขอโอกาสให้ได้เจริญกุศลตลอดวันนั้น
ถ้าพิจารณาให้แยบคาย การไม่อยากมีชีวิตอยู่ในโลกนี้ สาเหตุมาจากความรักตัวเองมากๆ จนทนรับสภาพไม่ได้กับความทุกข์ในขณะนั้นรักอะไร อะไรรัก ลืมไปว่า ทุกอย่างเป็นธรรมะ ไม่ไช่สัตว์ บุคคล ตัวตน บังคับบัญชาไม่ได้ ความไม่รู้จริงๆ ว่า ไม่มีตัวเราให้รัก และไม่มีผู้อื่นที่จะทำให้เราคับแค้นใจ ผิดหวัง สมหวัง มีแต่สภาพที่เป็นรูปและนามที่เกิดขึ้นปรากฏและก็ดับไป ขอให้ตั้งใจศึกษาพระธรรม นอกจากพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว ไม่มีผู้ใดในโลกที่ค้นพบและสั่งสอนหนทางดับความไม่รู้นี้ได้เลย
"บุคคลถูกกิเลสรุมล้อมไว้ เมื่อทางอันรุ่งเรืองมีอยู่ ก็ไม่ไปหาทางนั้น นั่นก็ไม่ใช่ความผิดของทางอันรุ่งเรือง ก็ฉันนั้น."
"บุคคลถูกความเจ็บป่วยคือ กิเลส บีบคั้นเป็นทุกข์ ก็ไม่ไปหาอาจารย์นั้น นั่นก็ไม่ใช่ความผิดของอาจารย์ ฉันนั้น"
การได้เกิดมาเป็นมนุษย์นั้นแสนยาก การได้เกิดมาแล้วได้พบกับพระธรรมคำสอนยากยิ่งกว่าปุถุชนผู้หนาไปด้วยกิเลสเช่นเรา ย่อมมีทั้งสุขและทุกข์มากน้อยตามกรรมที่ได้สั่งสมมา จึงจะหลงทุกข์ไปใย เมื่อได้พบกับพระธรรมอันประเสริฐที่หาได้ยากในโลกแล้ว ควรใช้เวลาที่มีอยู่ในโลกอันแสนสั้นนี้ สั่งสมกุศลธรรมด้วยการฟังและเข้าใจพระธรรม น้อมนำมาประพฤติปฏิบัติให้มากเพื่อความเจริญขึ้นในกุศลธรรมอันยังผลให้เป็นสุขในทุกๆ ชาติซึ่งก็ไม่ใช่เราที่สุข แต่เป็นสภาพธรรมนั้นเองที่เกิดขึ้นจากการสั่งสมในกุศลธรรมดีงามนั้นยิ่งๆ ขึ้นเป็นปัจจัย ท่านจะรับรู้ได้เองเมื่อได้เดินด้วยความมั่นคงขึ้นในหนทางนี้ หนทางที่มีพระธรรมนำทางในทุกๆ วัน...
ขออนุโมทนา
ตามหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วก็ดับไป อดทนให้ถึงที่สุด แล้วจะรู้ว่า ในที่สุดก็จะผ่านไปได้ เมื่อทุกข์ได้ ก็สุขได้ มีชีวิตอยู่เพื่อทำความดี ไม่ดีกว่าหรือคะ
พิจารณาถึงเรื่องของกรรม ธรรมทุกอย่างมีเหตุ มีปัจจัยจึงเกิดค่ะ ส่วนหนึ่งก็มาจากการสะสมกิเลส ทำให้เกิดความทุกข์ใจ น้อยใจ ไม่สบายใจ ถ้าสะสมความโกรธไว้มากๆ ก็เป็นปัจจัยให้เกิดการฆ่าตัวตายหรือฆ่าคนอื่นค่ะ การฟังพระธรรมเท่านั้นที่จะช่วยให้เราเกิดปัญญาและละคลายกิเลสลงตามความเข้าใจค่ะ