ใครจะเป็นผู้รู้ว่าได้บรรลุพระโสดาบันแล้ว?

เป็นธรรมดาค่ะ ดิฉันเคยเข้าใจผิดว่าตนเองน่าจะเป็นผู้เที่ยงและพ้นจากอบายแน่แล้วเพราะนั่นเป็นเราที่รู้ และเป็นโลภะ ยาพิษชนิดเข้มข้นพิเศษ แม้เจือจางแล้วสักเท่าไรก็ยังมีฤทธิ์ให้ผลร้ายแรงได้อยู่ส่วนพระโสดาบันท่านไม่สงสัยตนเองว่าท่านเป็นพระโสดาบันแล้วหรือเปล่าหนอ หรอกค่ะมีแต่ปุถุชนคนชอบกอดกิเลสอย่างเราๆ นี่แหละค่ะที่มักสงสัย เพราะยังไม่รู้ ยังขาดปัญญา

ไม่มีเรารู้ แต่เป็นปัญญาเท่านั้นที่รู้ค่ะ ซึ่งต้องอาศัยการสะสมอบรมมาเรื่อยๆ จากขั้นการฟัง พิจารณาศึกษาสภาพธรรม การเจริญสติปัฏฐานและวิปัสสนาญานขั้นต่างๆ ถึง ๑๖ ขั้น ซึ่งวิปัสสนาญานขั้นสุดท้ายนี่แหละค่ะ จะทำกิจพิจารณา "มรรค ผล นิพพาน กิเลสที่ดับแล้ว และกิเลสที่ยังเหลืออยู่" เพราะฉะนั้น พระอริยเจ้าท่านไม่หลงผิดแน่นอนค่ะ เพราะท่านรู้แล้วว่า "ธรรมใดที่ท่านได้บรรลุแล้ว และธรรมใดที่ท่านยังไม่บรรลุ" คนเราถ้า "พ้นแล้ว" ยังจะมีความสงสัยว่า "ไม่พ้น" อีกมั้ยค่ะ

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

เชิญคลิกอ่าน...

บรรลุธรรมวิเศษนี้ย่อมเกิดแก่ใครย่อมไม่เกิดแก่ใคร [วิภังค์]

อีกนัยหนึ่งเชิญคลิกอ่าน...

การพยากรณ์อรหัต ๕ ประการ [พยากรณสูตร]

ขออุทิศกุศลให้สรรพสัตว์

ตราบใดที่พระธรรมคำสอนยังอยู่ การบรรลุมรรค ผล นิพพานก็ยังมีค่ะ ถ้าถึงตอนที่ เราได้บรรลุเป็นพระโสดาบัน เราก็จะรู้เองค่ะ ปัญญาเกิดรู้ได้เฉพาะตน และการ ที่จะรู้ว่าใครมีปัญญาหรือไม่มีปัญญาก็รู้ได้ด้วยการสนทนา อย่างเช่น ในครั้งพุทธกาล คนที่เป็นพระอรหันต์ สนทนากับพระโสดาบัน ปัญญาของพระอรหันต์ ก็จะรู้ว่าคนนี้เป็นพระโสดาบัน แต่พระโสดาบัน สนทนากับพระอรหันต์ ไม่รู้ว่าท่าน เป็นพระอรหันต์ แต่รู้ว่าท่านมีคุณธรรมสูงกว่าตนค่ะ

ตราบใดที่นามรูปปริจเฉทญาณ ยังไม่ปรากฏแก่เรา เรายังสงสัยในสภาพธรรมที่ปรากฏตามความเป็นจริงว่านี่คือเสียง หรือการได้ยิน เป็นอันเดียวกันหรือมิใช่เป็นอันเดียวกัน นี่คือรูปหรือ นี้คือนามหรือ ต่างกันหรือ เหมือนกัน หรือ สองลักษณะในสิ่งเดียวกันหรือ สองลักษณะในสองสิ่งหรือ ยินดีก็อีกสิ่งหนึ่งหรือ ไม่ยินดีก็อีกสิ่งหนึ่งหรือ กุศลก็อีกสิ่งหนึ่งหรือ อกุศล ก็อีกสิ่งหนึ่งหรือ กุศลก็ไม่ใช่อกุศลก็ไม่ใช่ก็อีกสิ่งหนึ่งหรือ เรายังสงสัย เรายังมีวิจิกิจฉา เรายังมีกิเลสอยู่ เราไม่ใช่โสดาบันบุคคล

ขออนุโมทนาครับ