ปัชโชตสูตร .. ไม่มีแสงสว่างที่ ๕

 
khampan.a
วันที่  9 ม.ค. 2551
หมายเลข  6911
อ่าน  2,590

[เล่มที่ 24] พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เล่ม ๑ ภาค ๑ หน้า 138

ข้อความตอนหนึ่งจาก... ปัชโชตสูตร
[๖๙] พระผู้มีพระภาคตรัสตอบเทวดา ว่า แสงสว่างทั้งหลายในโลกมีอยู่ ๔ อย่าง แสงสว่าง ที่ ๕ มิได้มีในโลกนี้ ดวงอาทิตย์ ส่องสว่าง ในเวลากลางวัน ดวงจันทร์ส่องสว่าง ในเวลากลางคืน อนึ่ง ไฟย่อมรุ่งเรือง ในเวลากลางวัน และ เวลากลางคืน พระสัมมาสัมพุทธเจ้าประเสริฐกว่าแสงสว่างทั้งหลาย แสงสว่างของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นแสงสว่างอย่างยอดเยี่ยม.

ในอรรถกถา แก้ไว้ว่า.-
บทว่า เอสา อาภา แปลว่า แสงสว่างของพระพุทธเจ้า นี้. ถามว่า แสงสว่างของพระพุทธเจ้า นี้ เป็นไฉน ตอบว่า แสงสว่าง แม้ทั้งปวงเหล่านี้คือ แสงสว่างคือ ฌานก็ตาม แสงสว่างคือปีติก็ตาม แสงสว่างคือปสาทะ (ความผ่องใส เลื่อมใส) ก็ตาม แสงสว่างคือธรรมกถา ก็ตาม จงยกไว้ แสงสว่างอันเกิดขึ้นเพราะความปรากฏแห่งพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ชื่อว่า แสงสว่างแห่งพระพุทธเจ้า แสงสว่างนี้เท่านั้น ยอดเยี่ยม ประเสริฐ สูงสุดกว่าแสงสว่างทั้งหมด ไม่มีแสงสว่างอื่นเทียบได้ ดังนี้แล.


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
devout
วันที่ 9 ม.ค. 2551
เพราะพระธรรมนั้นเปรียบเหมือนแสงสว่าง ที่ส่องให้เห็นแม้ในที่มืด (อวิชชา) ขออนุโมทนา
 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
แล้วเจอกัน
วันที่ 9 ม.ค. 2551

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
พระพุทธเจ้าบังเกิดมาเพื่อเป็นแสงสว่างแก่สัตว์โลก

[เล่มที่ 32] พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย เอกนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ 182

[๑๔๔] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ความปรากฏขึ้นแห่งบุคคลผู้เอกเป็นความปรากฏแห่งจักษุใหญ่ แห่งแสงสว่างใหญ่ แห่งโอภาสใหญ่แห่งอนุตตริยะ ๖ เป็นการกระทำให้แจ้งซึ่งปฏิสัมภิทา ๔ เป็นการแทงตลอดธาตุเป็นอันมาก เป็นการแทงตลอดธาตุต่างๆ เป็นการกระทำให้แจ้งซึ่งผล คือ วิชชาและวิมุตติ เป็นการกระทำให้แจ้งซึ่งโสดาปัตติผล สกทาคามิผล อนาคามิผล อรหัตตผล บุคคลผู้เอกเป็นไฉน คือ พระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ความปรากฏขึ้นแห่งบุคคลผู้เอกนี้แล เป็นความปรากฏแห่งจักษุใหญ่ แห่งแสงสว่างใหญ่ แห่งโอภาสใหญ่ แห่งอนุตตริยะ ๖ เป็นการทำให้แจ้งซึ่งปฏิสัมภิทา ๔ เป็นการแทงตลอดธาตุเป็นอันมาก เป็นการแทงตลอดธาตุต่างๆ เป็นการกระทำให้แจ้งซึ่งผลคือ วิชชาและวิมุตติ เป็นการกระทำให้แจ้งซึ่งโสดาปัตติผล สกทาคามิผล อนาคามิผล อรหัตตผล.

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
แล้วเจอกัน
วันที่ 9 ม.ค. 2551

ปัญญามีการส่องสว่างเพื่อรู้ความจริงเป็นลักษณะ

[เล่มที่ 75] พระอภิธรรมปิฎก ธรรมสังคณี เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ 332

ก็ปัญญานี้นั้นมีการส่องแสงเป็นลักษณะ และมีการรู้ทั่วเป็นลักษณะ เหมือนอย่างว่า เมื่อบุคคลจุดประทีปให้สว่างในเวลากลางคืนในบ้านที่มีฝา ๔ ด้านความมืดย่อมหมดไป แสงสว่างย่อมปรากฏฉันใด ปัญญามีการส่องสว่างฉันนั้นเหมือนกัน. ธรรมดาแสงสว่างเสมอด้วยแสงสว่างของปัญญาย่อมไม่มี. จริงอยู่ เมื่อมหาบุรุษผู้มีปัญญานั่งโดยบัลลังก์หนึ่ง หมื่นโลกธาตุก็มีแสงสว่างเป็นอันเดียวกัน.
ด้วยเหตุนั้น พระนาคเสนเถระจึงถวายพระพรพระราชาว่ามหาบพิตร ในเวลาที่มืดค่ำแล้ว บุรุษพึงเอาประทีปเข้าไปวางไว้ในบ้าน ประทีปที่นำเข้าไปแล้วย่อมกำจัดความมืด ย่อมยังโอภาสให้เกิดขึ้น ย่อมยังแสงสว่างให้รุ่งโรจน์ ย่อมทำรูปทั้งหลายให้ปรากฏ ฉันใด มหาบพิตร ปัญญา ก็ฉันนั้นเหมือนกัน เมื่อเกิดขึ้นย่อมกำจัดความมืดคือ อวิชชา ย่อมยังโอภาส คือวิชชาให้เกิด ย่อมยังแสงสว่างคือญาณให้รุ่งโรจน์ และย่อมทำอริยสัจจะทั้งหลายให้ปรากฏ มหาบพิตร ปัญญามีการส่องสว่างเป็นลักษณะด้วยประการฉะนี้แล.

ขออุทิศกุศลให้สรรพสัตว์

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
medulla
วันที่ 9 ม.ค. 2551
ขออนุโมทนาค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
wannee.s
วันที่ 10 ม.ค. 2551
แสงสว่างเสมอด้วยปัญญาไม่มี ขออนุโมทนาค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
pornpaon
วันที่ 10 ม.ค. 2551
ขออนุโมทนาค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
อิสระ
วันที่ 10 ม.ค. 2551

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
dron
วันที่ 13 ม.ค. 2551

ขอนอบน้อม แด่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ