ขณะหลับสนิทเป็นภวังคจิต
เมื่อปฏิสนธิจิตดับไปแล้ว กรรมไม่ได้ให้ผลเพียงให้ปฏิสนธิจิตเกิดขึ้นเท่านั้น แต่เป็นปัจจัยให้วิบากจิตประเภทเดียวกันเกิดขึ้น ทำให้ภวังคกิจสืบต่อดำรงภพชาติของการเป็นบุคคลนั้นจนกว่าจะจุติ ขณะที่ยังไม่จุตินั้น ภวังคจิตเกิดดับๆ กระทบกิจสืบต่อดำรงความเป็นบุคคลนั้นไว้ ในขณะที่ไม่เห็น ไม่ได้ยิน ไม่ได้กลิ่น ไม่ได้ลิ้มรส ไม่รู้สิ่งกระทบสัมผัส และไม่คิดนึก
ฉะนั้น ขณะใดที่เป็นปฏิสนธิจิต ภวังคจิตและจุติจิตขณะนั้นไม่ใช่วิถีจิต ขณะหลับสนิทไม่เห็น ไม่ได้ยิน ไม่ได้กลิ่น ไม่ได้ลิ่มรส ไม่ได้กระทบสัมผัส ไม่ได้คิดนึก ภวังคจิตเกิดดับสืบต่อกับไปเรื่อยๆ จนกว่าจะฝัน หรือตื่นขึ้น เห็นได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส กระทบ สัมผัส คิดนึก อารมณ์ต่างๆ ในโลกนี้
ขณะที่วิบากจิตเกิดขึ้นทำปฏิสนธิกิจ ภวังคกิจ และจุติกิจนั้น อารมณ์ต่างๆ ในโลกนี้ไม่ปรากฏเลย โลกนี้จะเป็นโลกมนุษย์ ลักษณะอย่างไร ไม่ปรากฏทั้งสิ้น ถ้าขณะนี้ใครกำลังหลับก็จะไม่รู้ ไม่เห็นเลยว่า ในที่นี้มีใครบ้างมีเสียงอะไรบ้าง มีกลิ่นอะไรบ้าง เย็น-ร้อนประการใด โลกนี้ไม่ปรากฏกับปฏิสนธิจิต ภวังคจิต และจุติจิตเลย เมื่อไม่หลับก็ เมื่อไม่หลับ ก็จำเรื่องโลกนี้จำบุคคลต่างๆ เรื่องราวต่างๆ ในโลกนี้ แต่ขณะหลับสนิทเป็นภวังคจิต ตัดขาดจากอารมณ์ต่างๆ ที่ปรากฏในโลกนี้ทั้งหมด ไม่รู้ตนเองเป็นใคร อยู่ที่ไหนเกี่ยวข้องเป็นญาติกับใคร มีทรัพย์สมบัติยศฐาบรรดาศักดิ์ สุข ทุกข์ อย่างใด
ดาวน์โหลดหนังสือ -->