ความสงสาร

 
worrawat
วันที่  19 ม.ค. 2551
หมายเลข  7059
อ่าน  2,234

ขณะที่เราเห็นผู้ประสบภัย สุนัขและแมว ได้รับทุกขเวทนา หรือแม้แต่เพื่อนของเราที่มี ความรู้สึกผิดหวัง ไม่ประสบความสำเร็จในอาชีพการงาน เรารู้สึกสงสาร อยากทราบว่า ความสงสารนี้เป็นสภาพธรรมะประเภทใดครับ เกิดร่วมกับ กุศลหรือ อกุศลจิต ก็ได้ใช่ หรือไม่ครับ และความสงสารนี้จะแตกต่างจากเมตตาหรือไม่ครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
แล้วเจอกัน
วันที่ 19 ม.ค. 2551

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

ความสงสารเป็นสภาพธรรมที่เป็นฝ่ายดี เป็นกรุณาเจตสิกจะไม่เกิดกับอกุศลจิตเลยครับ แต่ให้เข้าใจความจริงของสภาพธรรม คือ จิตที่เกิดขึ้นนั้นเกิดดับเร็วมาก ดังนั้น กุศลจิตจึงเกิดสลับกับอกุศลจิตก็ได้ ดังนั้น ขณะที่สงสาร สัตว์หรือเพื่อนที่ได้รับทุกข์ ขณะนั้นเป็นกรุณาเป็นกุศลจิต แต่กุศลเกิดน้อยมากและรวดเร็ว ซึ่งหลังจากนั้น อาจเป็นความทุกข์ใจ เศร้าใจอันเป็นความรู้สึกไม่สบายใจ ซึ่งจิตขณะนั้นไม่ใช่กุศล ไม่ใช่ความกรุณา แต่เป็นอกุศลที่เป็นโทสะ จึงควรเข้าใจว่า ความสงสารที่เป็นกรุณาเป็นธรรมฝ่ายดีจะไม่มีความรู้สึกไม่สบายใจ เพราะขณะที่ไม่สบายใจเป็นอกุศลไม่ใช่กรุณาครับ ซึ่งการจะทราบได้ว่าขณะใดเป็นกุศลเป็นกรุณา เป็นอกุศลต้องเป็นสติที่เกิดขึ้นรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่เกิดขึ้นในขณะนั้น นี่คือหนทางการอบรมปัญญาซึ่งเป็นเรื่องยากและอาศัยการฟังพระธรรมในแนวทางที่ถูกต้องต่อไปครับ

ขออนุโมทนา

ขออุทิศกุศลให้สรรพสัตว์

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
worrawat
วันที่ 20 ม.ค. 2551

ขอขอบคุณในคำตอบครับ

อนุโมทนาในความเอื้อเฟื้อความรู้ด้วยครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
tanakase
วันที่ 20 ม.ค. 2551

อนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
wannee.s
วันที่ 20 ม.ค. 2551

บางคนสะสมกรุณามามาก เช่น เห็นสุนัขถูกรถชน สงสาร ก็ต้องพาไปหาหมอ ซึ่งบางคนเห็นแล้วก็เฉยๆ แต่ละคนสะสมอุปนิสัยและอัธยาศัยมาต่างๆ กันค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
แช่มชื่น
วันที่ 20 ม.ค. 2551

เมตตา หรืออโทสเจตสิก และกรุณาเจตสิกเป็นเจตสิกฝ่ายดี มีสัตว์ บุคคลเป็นอารมณ์ทั้งคู่ เกิดกับความรู้สึกดีใจหรือ เฉยๆ ก็ได้ครับ ต่างกันตรงที่ในจิตฝ่ายดีดวงหนึ่ง มีเมตตาเกิดร่วม กับเจตสิกฝ่ายดีอีก ๑๘ ดวงเสมอ และในขณะที่กรุณาเจตสิกเกิดก็ต้องมีเมตตาด้วย แต่ในขณะที่มีเมตตาเกิด กรุณาเจตสิกอาจจะไม่เกิดก็ได้ครับ เช่น เวลาที่สัตว์อื่นไม่เป็นทุกข์ เมตตาอาจจะเกิดได้แต่กรุณาไม่แน่ ฉะนั้น เมตตา จึงเกิดได้บ่อยกว่า การอบรมเจริญเมตตาจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้ผู้อยู่ด้วยเมตตามีความสุข แต่ก็อย่าลืมการอบรมเจริญปัญญาด้วยการฟังพระธรรมนะครับ ถ้าปัญญามาก กุศลเกิดบ่อย ก็มีเมตตามากครับ

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
panee.r
วันที่ 21 ม.ค. 2551

ทั้งเมตตาและกรุณา เป็นสภาพธรรมและเป็นอนัตตา ก็ขึ้นตามเหตุปัจจัยที่ได้สะสมมา ซึ่งการศึกษาพระธรรม ความเข้าใจ (ปัญญา ก็ เป็นปัจจัยให้ทั้งเมตตา (อโทสเจตสิก) และกรุณา (กรุณาเจตสิก) เกิดได้บ่อยขึ้น

ขออนุโมทนาทุกท่าน

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
JANYAPINPARD
วันที่ 21 ม.ค. 2551

กรุณาเจตสิกเป็นเจตสิกที่กรุณาสัตว์ที่เป็นทุกข์ มีการไม่เบียดเบียนเป็นอาการปรากฎ (จาก หนังสือปรมัตตธรรมสังเขปฯ หน้า ๔๐๓) จากคำถาม ขณะที่เราเห็นผู้ประสบภัย สุนัขและ แมวได้รับทุกขเวทนาหรือแม้แต่เพื่อนของเราที่มีความรู้สึกผิดหวัง ไม่ประสบความสำเร็จในอาชีพการงานเรารู้สึกสงสาร ขณะนั้นเป็นกรุณาเจตสิกไม่มีโทสะในสัตว์นั้น มีแต่ความเป็น มิตรเป็นเพื่อนขณะนั้นเป็นเมตตา (อโทสเจตสิกเกิดร่วม ด้วย) เมื่อมีสงสารก็มีเมตตา แต่มีเมตตาไม่จำเป็นต้องมีสงสารหรือมีสงสารก็ได้

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
ตุลา
วันที่ 21 ม.ค. 2551

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
เจริญในธรรม
วันที่ 21 ม.ค. 2551
ขออนุโมทนาครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
pornpaon
วันที่ 22 ม.ค. 2551
ขออนุโมทนาค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
chatchai.k
วันที่ 17 ม.ค. 2564

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ