เครื่องวัดกำลังของกิเลส
ได้ฟัง ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ บรรยายในรายการ“แนวทางเจริญวิปัสสนา” เกี่ยวกับความประพฤติในชีวิตประจำวันเป็นเครื่องวัดกำลังของกิเลส เนื้อหาตอนหนึ่งเป็นเครื่องเตือนที่ดีและน่าพิจารณาเป็นอย่างยิ่ง จึงขอยกมาเพื่อศึกษาร่วมกัน ดังนี้ครับ.-
"ชีวิตของแต่ละท่านที่กำลังดำรงอยู่และดำเนินไปในแต่ละวัน คือศีล เพราะเหตุว่า
ศีล คือ ความประพฤติที่เป็นไปทางกาย ทางวาจา ซึ่งมีทั้งอกุศลศีล กุศลศีลและ อัพพยากตศีล (ไม่เป็นกุศลไม่เป็นอกุศล)
-ถ้ากาย วาจา เป็นไปทางอกุศล ปกติก็เป็นอกุศลศีล
-ขณะใดที่กาย วาจาเป็นไปทางฝ่ายกุศลเป็นปกติเหมือนกันก็เป็นกุศลศีล
-อัพพยากตศีลนั้น สำหรับผู้ที่ดับกิเลสหมด
เพราะฉะนั้น เรื่องศีลซึ่งเป็นเรื่องของความประพฤติที่เป็นไป ทางกาย ทางวาจาย่อมเป็นเครื่องวัดกำลังของกิเลส, ปกติทุกคนมีโลภะ มีโทสะ มีโมหะ มีความขุ่นเคืองใจ แต่ถ้าล่วงละเมิดศีลเมื่อไหร่ เมื่อนั้น ก็แสดงให้เห็นถึงกำลังของอกุศลว่ามีมาก"
พระผู้มีพระภาคทรงแสดงพระธรรมทั้งหมด เพื่อที่จะให้พุทธบริษัทมีความประพฤติที่ดี เพื่อให้กุศลจิตเกิดทุกระดับ ตั้งแต่ (ความดี) ขั้นต้น ในชีวิตประจำวัน จนกระทั่งถึงดับ กิเลสได้หมดโดยเด็ดขาด.
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
[เล่มที่ 62] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๔ ภาค ๑ - หน้าที่ ๗๑๙
บัณฑิตอยู่ปะปนกับพวกคนพาล เมื่อไม่พูด ก็รู้ไม่ได้ว่าเป็นบัณฑิต แม้พูดก็ต้องแสดงอมตธรรม จึงจะรู้ได้ว่าเป็นบัณฑิต.
ขออุทิศกุศลให้สรรพสัตว์
ขอกราบบูชาคุณพระรัตนตรัย
จะตั้งใจรักษาศีล และละกิเลสของตัวเองทีละน้อยค่ะ...
ขอขอบคุณ และขออนุโมทนาด้วยค่ะ
ขออนุโมทนา คุณ khampan.a และขอชื่นชมและชมเชย ว่าหาธรรม ดีๆ มาให้อ่านกันเสมอ ผมเห็นด้วยว่าเราควรระวังและงดเว้น ทั้งกิเลสหยาบที่เห็นได้ชัดเจนหรือง่าย เช่น ฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ เป็นต้น และกิเลสที่ละเอียดเห็นได้ยาก ซึ่งถ้าไม่ได้ได้รับการสั่งสอนอบรม และการตักเดือนจะไม่สามารถละกิเสที่ละเอียดได้เลย เช่นเรื่อง ขโมยกลิ่น 06965 การไม่อภัย เพราะยังมีความสำคัญตนอยู่มาก และไม่อบรมเจริญเมตตา 05884 ครับ