แปลกใจ........
เมื่อวาน ดิฉันเป็นกรรมการสอบคัดเลือกพนักงานใหม่ เพื่อรับเข้าทำงาน มีผู้เข้าสอบทั้งหมด ๑๙ คน มีผู้ที่จบปริญญาตรี มาจากการเรียนทางด้านศาสนาคือ บวชเป็นพระ ๑ คน หลังจากสัมภาษณ์เสร็จ กรรมการคุมสอบด้วยกัน พูดกับดิฉันว่าคงถูกใจพี่ พี่คงต้องเลือกคนนี้แน่เลย พูดด้วยหน้าตาที่ขำๆ ดิฉันจึงตอบว่าดูตามความสามารถของเขา ถ้าเขาทำข้อสอบได้ ก็ต้องได้ตามนั้น ไม่ได้อยู่ที่พี่พอใจ ดิฉันจึงแปลกใจว่าทำไมคนที่มีพระพุทธศาสนาในใจ หรือจบมาทางด้านนี้โดยตรง กลายเป็นของแปลกสำหรับคนในสังคมปัจจุบันไปแล้วหรือนี่ ทั้งๆ ที่คนที่มีหัวใจเป็นพุทธจริงๆ ส่วนใหญ่จะไม่ค่อยสร้างความเดือดร้อนให้สังคม หรือใครๆ เท่าใดนัก เพราะยึดมั่นในคำสอน จะดำเนินชีวิตตามหลักธรรมที่พระพุทธเจ้าสอน ไม่เบียดเบียนผู้อื่น แต่เหตุไฉนคนในสังคมปัจจุบันกลับมองเป็นเรื่องแปลก หรือเป็นเรื่องตลก เสี่ยนี่
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
สิ้งใดที่คนส่วนใหญ่ไม่สนใจก็เป็นของแปลกสำหรับคนเหล่านั้น คนส่วนใหญ่พูดเพราะ เมื่อเจอคนพูดไม่เพราะก็แปลกใจ ในวงเพื่อนส่วนใหญ่ดื่มสุรา คนไม่ดื่มสุราก็เป็นคนแปลกสำหรับกลุ่มนั้น กลุ่มคนที่มีศีลเมื่อเจอคนที่ไม่มีศีล ก็เป็นคนแปลกของกลุ่มนั้น แปลกเพราะไม่เหมือน แปลกเพราะส่วนใหญ่ไม่ทำ แต่แปลกเป็นได้ทั้งฝ่ายดีและไม่ดี จึงควรพิจารณาด้วยปัญญา ไม่ใช่ศึกษาพระธรรมแล้วจะเข้าใจหนทางถูกเป็นเรื่องของปัญญาที่สะสมมา ค่อยๆ ศึกษาอบรมในแนวทางถูก ก็จะไม่แปลกสำหรับในแนวทางที่ถูกต้องครับ ส่วนในยุคปัจจุบัน มนุษย์มีอายุต่ำกว่าร้อยปี จึงเป็นผู้หนาด้วยกิเลส ไม่สนใจพระธรรม หรือสนใจพระธรรมในหนทางผิด ซึ่งเป็นของธรรมดาที่จะเห็นว่าสิ่งที่เป็นไปเพื่อละ หรือหนทางที่ถูกต้องในการอบรมปัญญาเป็นของแปลกครับ
กาลเวลาที่มนุษย์อายุต่ำกว่าร้อยปี ย่อมเป็นผู้กิเลสมากเป็นธรรมดา
[เล่มที่ 73] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย พุทธวงศ์ เล่ม ๙ ภาค ๒ - หน้าที่ ๖๙๔
แม้กาลที่อายุคนต่ำกว่าร้อยปี ก็ยังไม่ใช่กาลอันสมควร. เพราะเหตุไร เพราะว่าในกาลนั้น [กาลที่มนุษย์มีอายุต่ำกว่าร้อยปี] สัตว์ทั้งหลายมีกิเลสหนาแน่นและโอวาทที่ประทานแก่สัตว์ที่มีกิเลสหนาแน่น จะไม่คงอยู่ในฐานะควรโอวาทจะขาดหายไปเร็วเหมือนรอยไม้ที่ขีดในน้ำ
ขออุทิศกุศลให้สรรพสัตว์
เราอยู่ในยุคกาลที่มนุษย์มีอายุต่ำกว่าร้อยปี เราจึงไม่อยู่ในฐานะที่ควรโอวาท เพราะว่ายาก สอนยาก ยากจนอริยะทรัพย์ ก็คงต้องอดทนฟังพระธรรมต่อไปอย่างต่อเนื่อง ต้องใช้เวลาในการสะสมอริยะทรัพย์อีกนานแสนนานเท่าที่มีโอกาส ก็เพียงแต่อย่าให้ล่วงขณะที่เป็นโอกาสเลย สู้ๆ อดทนๆ ขออนุโมทนาค่ะ
จริงซิ ดิฉันลืมไปว่าอะไรที่คนอื่นไม่ทำแต่อีกคนไปทำ มันจึงเป็นของแปลก หรือเหมือนแกะดำที่มีทั้งดีและไม่ดี ขอบคุณมากค่ะที่ช่วยอธิบายให้หายข้องใจ
อันที่จริง ใครจะว่าแปลกก็ไม่สำคัญเลยครับ เพราะเป็นเรื่องของการสะสมมาที่จะมีอัธยาศัยที่จะคิด จะพูด ด้วยการให้ความสำคัญในเรื่องที่สนใจต่างๆ กัน แต่ที่สำคัญกว่า คือเราหวั่นไหว ไปตามที่สิ่งที่ผู้อื่นมองว่าแปลกด้วยหรือเปล่า ถ้าหวั่นไหวขณะนั้นจิตเป็นอะไร นี่ต่างหากที่เป็นโอกาสสำคัญที่สติควรจะเกิดระลึกครับ ไม่อย่างนั้นเราก็จะนึกเป็นเรื่องราวยาวๆ เป็นบุคคลต่างๆ เป็นสังคม เป็นประเทศ เป็นโลก เป็นจักรวาล ซึ่งคิดได้ไม่จบสิ้น แต่ความจริงทุกอย่างนั้น ขึ้นอยู่กับจิตขณะเดียวที่เกิดดับๆ สืบต่อกันไปไม่ขาดสายเท่านั้นเอง อย่างไรก็ดี ขออนุโมทนา ในประเด็นที่ถามอย่างยิ่งเพราะเป็นประโยชน์ในการศึกษาพระธรรมร่วมกันครับ