ศาสนาเสื่อมเพราะสนใจในแนวคิดทางโลกมากกว่าพุทธพจน์ [อาณีตสูตร]
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย นิทานวรรค เล่ม ๒ - หน้าที่ 737
ข้อความบางตอนจาก
อาณีตสูตร
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย พวกภิกษุในอนาคต เมื่อเขากล่าวพระสูตรที่ตถาคตกล่าวแล้วอันลึก มีอรรถอันลึก เป็นโลกุตตระ ประกอบด้วยสุญญตธรรมอยู่ จักไม่ปรารถนาฟัง จักไม่เข้าไปตั้งจิตเพื่อรู้และจักไม่สำคัญธรรมเหล่านั้น ว่าควรเล่าเรียน ว่าควรศึกษา แต่ว่าเมื่อเขากล่าวพระสูตรอันนักปราชญ์รจนาไว้ อันนักปราชญ์ร้อยกรองไว้ มีอักษรอันวิจิตร มีพยัญชนะอันวิจิตร เป็นของภายนอก เป็นสาวกภาษิตอยู่ จักปรารถนาฟังด้วยดี จักเงี่ยโสตลงสดับ จักเข้าไปตั้งไว้ซึ่งจิตเพื่อรู้และจักสำคัญธรรมเหล่านั้นว่าควรเรียนควรศึกษา.
[๖๗๓] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย พระสูตรเหล่านั้น ที่ตถาคตกล่าวแล้วอันลึก มีอรรถอันลึก เป็นโลกุตตระ ประกอบด้วยสุญญตธรรม จักอันตรธานฉันนั้นเหมือนกัน เพราะเหตุดังนี้นั้น เธอทั้งหลายพึงศึกษาอย่างนี้ว่า เมื่อเขากล่าวพระสูตรที่ตถาคตกล่าวแล้วอันลึก มีอรรถอันลึก เป็นโลกุตตระ ประกอบด้วยสุญญตธรรมอยู่ พวกเราจักฟังด้วยดี จักเงี่ยโสตลงสดับ จักเข้าไปตั้งไว้ซึ่งจิตเพื่อรู้ และจักสำคัญธรรมเหล่านั้นว่าควรเรียน ควรศึกษา ดังนี้ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายพึงศึกษาอย่างนี้แหละ.
ข้อความบางตอนจาก
อรรถกถา อาณีตสูตร
บทว่า ตสฺมา ความว่า เพราะเหตุนั้น พระสูตรทั้งหลายที่เป็นตถาคตภาษิต เมื่อพวกเราไม่ศึกษาย่อมอันตรธานไป
ศาสนาเสื่อมและอันตรธาน เพราะบุคคลไม่สนใจในพระพุทธดำรัส แต่สนใจคำกล่าวของนักปราชญ์ผู้อื่น หรือแนวคิดทางโลกมากกว่าพุทธพจน์
อนุโมทนาที่นำข้อความในพระสูตรมาเตือนสติ ตอนนี้ก็เริ่มเป็นเช่นนั้นแล้ว