ภพชาติใหม่หลังจุติ
ทราบว่า ตอนใกล้จะจุติ เป็นช่วงสำคัญของชีวิตเป็นอย่างยิ่งว่าจะไปเกิดที่ใด ถ้าจิตเป็นกุศลก็จะไปเกิดที่ดีๆ ถ้าจิตเป็นอกุศลก็ไปเกิดอบายภูมิ ดูเหมือนจะเลือกได้และปัจจัยอะไรที่ทำให้ เปรต อสุรกาย สัตว์นรถ เดรัจฉาน จะได้ไปเกิด สุคติภูมิ
กรรมเป็นเหตุ วิบากเป็นผล
กุศลกรรม เป็นเหตุให้เกิดกุศลวิบาก
อกุศลกรรม เป็นเหตุให้เกิด อกุศลวิบาก
การเกิดในแต่ละภพแต่ละชาตินั้น เป็นผลของกรรมที่ได้ประมวลมาแล้ว เพราะแต่ละท่านก็คงไม่ได้มีกุศลกรรม หรืออกุศลกรรมเพียงอย่างเดียว สัตว์โลกจึงมีความแตกต่างกันไปตามความวิจิตรของกรรมค่ะ
เลือกไม่ได้ค่ะ แล้วแต่ผล (วิบากจิต) จากกุศลหรืออกุศลจิต ที่ยังให้ปฏิสนธิจิตเกิดเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ในภูมิต่างๆ หากว่า เปรต อสุรกาย สัตว์นรก เดรัจฉาน จะได้ไปเกิดสุขคติภูมิ แสดงว่า ยังมีปัจจัยแห่งกุศลกรรมนำให้มีปฏิสนธิจิต ต้องไม่ลืมว่า สัตว์ทั้งหลายไม่ได้เกิดมาเพียงชาติที่แล้ว ชาตินี้ และชาติหน้า เราต่างเกิดมาแล้ว นับครั้งไม่ถ้วน หาต้นและมองปลายไม่เจอ ชาติหน้า เราอาจเกิดในทุคติภูมิตามกรรมของเราในขณะที่ชาตินี้ เราได้กุศลส่งให้มี โอกาสได้ฟังธรรม ประพฤติธรรม สนใจในขณะนี้และสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ จะทำให้ชาตินี้ของเรา ไม่สูญเปล่า การคิดเรื่องกรรมและผลแห่งกรรม ก็เป็นอจินไตยสถานหนึ่งค่ะ
ช่วงสำคัญของชีวิต ควรจะเป็นช่วงที่ได้เข้าใจธรรมะ แล้วปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรมมากกว่าครับ เพราะโอกาสที่จะมีพระพุทธเจ้าหนึ่งพระองค์มาตรัสรู้ แล้วยังหลงเหลือคำสอนไว้ให้ชนรุ่นนี้ได้ศึกษาอยู่ เป็นเรื่องยากกว่าการได้อัตภาพเป็นมนุษย์เสียอีก เราเกิดเป็นมนุษย์มาแล้วเท่าไร แล้วต่อไปก็จะเกิดเป็นอะไร ภพภูมิไหนไม่สำคัญเลย เพราะการเกิดมาในชาตินี้ก็แสดงให้เห็นแล้วว่ายังเป็นผู้ที่มีกิเลส และจะต้องประสพกับทุกข์เป็นอันมากอยู่ เพราะการเกิดนี้ ซึ่งถึงรู้ว่าจะหมดความเป็นบุคคลนี้แน่นอนและจะต้องเกิดอีก ก็ไม่ควรตั้งความปรารถนาไว้ในการเกิดแม้ในสุคติภูมิ เพราะขณะนั้นจิตเป็นไปด้วยความต้องการในสิ่งอยู่เหนืออำนาจบังคับบัญชา ควรมั่นคงว่าไม่มีใครเลือกเกิดได้ ทุกคนมาตามกรรม และจะต้องไปตามกรรม เหตุนี้ สิ่งที่สำคัญกว่าความกังวลใจเรื่องการเกิดเป็นอะไรในชาติต่อไป คือการ ได้ศึกษาพระธรรมแล้วเจริญกุศลทุกประการเท่าที่จะกระทำได้ เพราะชีวิตเป็นของน้อยจริงๆ ไม่ควรประมาทครับ
อนุโมทนา