อุโบสถศีล ศีล 8 อาชีวมิฏฐกศีล

 
siwa
วันที่  2 ก.พ. 2551
หมายเลข  7206
อ่าน  6,570

คำว่า อาชีวมิฏฐกศีล อาชีวัฏฐกศีล ควรใช้คำไหนถึงถูก และหมายถึงศีลอะไร การถือศีลอุโบสถ หรือศีล ๘ กับ อาชีวมิฏฐกศีล เหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
แล้วเจอกัน
วันที่ 2 ก.พ. 2551

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

ในพระไตรปิฎก ไม่มีคำว่า อาชีวมิฏฐกศีลและอาชีวัฏฐกศีล มีแต่คำว่าอาชีวมัฏฐมกศีลและ อาชีวัฏฐมกศีล ปกติมักใช้คำว่า อาชีวัฏฐมกศีล อาชีวัฏฐมกศีล หมายถึงศีลมีอาชีวะเป็นที่แปด คือประกอบด้วยกายสุจริต ๓ (งดเว้นฆ่าสัตว์สัตว์ ลักทรัพย์ ประพฤติผิดในกาม) วจีสุจริต ๔ (งดเว้นจากการพูดเท็จ พูดหยาบ พูดส่อเสียด พูดเพ้อเจ้อ) และอาชีวะเป็นที่ ๘ คือ งดเว้นจากอาชีพที่ไม่ดี

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
แล้วเจอกัน
วันที่ 2 ก.พ. 2551

การถือศีลอุโบสถ หรือศีล ๘ กับ อาชีวมิฏฐกศีล เหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร
แตกต่างในการขัดเกลากิเลสในแต่ละอย่าง และองค์ของศีล และเวลาซึ่งตามปกติมักนิยมถือศีลอุโบสถในวันพระหรือก่อนหรือหลังวันพระหนึ่งวัน แต่อาชีวมิฏฐกศีลสามารถรักษาเมื่อเห็นประโยชน์ในวันไหนก็ได้ครับ แต่ที่สำคัญการรักษาศีลนั้นจะต้องมีความเข้าใจถูกต้องจึงจะรักษาได้ถูกต้อง ไม่ใช่เรื่องง่ายครับ หากมีความเห็นผิด เข้าใจธรรมผิดก็ย่อมรักษาได้ไม่ถูกต้อง เช่น อาชีวัฏฐมกศีล ต้องเป็นผู้ที่เข้าใจธรรมและประพฤติบริสุทธิ์ ในการงดเว้นจากทางกายและวาจาที่ทุจริต เป็นผู้มีกายสุจริต ๓ วจีสุจริต ๔ จึงจะเป็นรักษาอาชีวมิฏฐกศีลได้ถูกต้อง อันมีการงดเว้นอาชีพที่ผิดเป็นที่แปด และการจะรู้ว่าใครเป็นผู้มีศีลนั้น บุคคลนั้นต้องมีปัญญาไม่ใช่เพียงเวลาเล็กน้อย เป็นต้น

เชิญคลิกอ่านเพิ่มเติมที่นี่..

ความแตกต่างระหว่างอุโบสถศีล และ อาชีวัฏฐมกศีล

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
แล้วเจอกัน
วันที่ 2 ก.พ. 2551

อาชีวัฏฐมกศีล ย่อมบริบูรณ์ถูกต้องเพราะละกายทุจริต ๓ วจีทุจริต ๔

พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค เล่ม ๑ ภาค ๒ - หน้าที่ ๑๑๑

ก็อาชีวัฏฐมกศีล ย่อมบริบูรณ์แก่บุคคลผู้ละวจีทุจริต ๔ อย่างและกายทุจริต ๓ อย่าง บำเพ็ญสุจริตทั้ง ๒ อย่างเท่านั้น หาบริบูรณ์แก่บุคคลนอกนี้ไม่ เพราะฉะนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสสัมมาอาชีวะในลำดับแห่งสุจริตทั้ง ๒ นั้น

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
แล้วเจอกัน
วันที่ 2 ก.พ. 2551

ศีลพึงรู้ได้ไม่ใช่เพราะบอกว่ารักษาศีลหรือมีศีลแต่รู้ว่ามีศีลเพราะ....

พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ ๔๕๓

ดูก่อนมหาบพิตร ศีลพึงรู้ได้ด้วยการอยู่ร่วมกัน ก็ศีลนั้นจะพึงรู้ได้โดยกาลนาน ไม่ใช่ด้วยกาลเล็กน้อย ผู้ใส่ใจจึงจะรู้ได้ ผู้ไม่ใส่ใจก็ไม่รู้ ผู้มีปัญญาจึงจะรู้ได้ ผู้มีปัญญาทรามก็ไม่รู้

ขออุทิศกุศลให้สรรพสัตว์

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
tanakase
วันที่ 3 ก.พ. 2551

อนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
olive
วันที่ 7 ก.พ. 2551

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
suwit02
วันที่ 17 ธ.ค. 2551

สาธุ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
wannee.s
วันที่ 17 ธ.ค. 2551

ด้วยว่าผู้มีศีล มีความสำรวม ย่อมได้มิตรมาก ส่วนผู้ทุศีล ประพฤติแต่กรรมอันลามก ย่อมแตกจากมิตรนรชนผู้ทุศีล ย่อมได้รับการติเตียนและความเสียชื่อเสียง ส่วนผู้มีศีลย่อมได้รับการสรรเสริญและชื่อเสียงทุกเมื่อ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
pamali
วันที่ 24 มิ.ย. 2554
ขออนุโมทนาค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
kullawat
วันที่ 12 มี.ค. 2560

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
chatchai.k
วันที่ 26 ก.พ. 2564

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ