วิถีจิตทางปัญจทวาร

 
บ้านธัมมะ
วันที่  8 ก.พ. 2551
หมายเลข  7274
อ่าน  9,431

วิถีจิตทางปัญจทวารมี ๗ วิถี

วิถีจิตที่ ๑ คือ อาวัชชนวิถี ได้แก่ ปัญจทวาราวัชชนจิต

วิถีจิตที่ ๒ คือ ทวิปัญจวิญญาณจิตดวงหนึ่งดวงใด คือ จักขุวิญญาณ หรือโสตวิญญาณ หรือฆานวิญญาณ หรือชิวหาวิญญาณ หรือกายวิญญาณ

วิถีจิตที่ ๓ คือ สัมปฏิจฉันนจิต เกิดขึ้นรับอารมณ์ต่อจากทวิปัญจวิญญาณ จิตดวงหนึ่งดวงใดที่ดับไป

วิถีจิตที่ ๔ คือ สันตีรณจิต พิจารณาอารมณ์

วิถีจิตที่ ๕ คือ โวฏฐัพพนจิต ทำกิจกระทำทางให้กุศลจิต หรืออกุศลจิต หรือกิริยาจิต (เฉพาะพระอรหันต์) เกิดต่อ

วิถีจิตที่ ๖ คือ ชวนวิถีจิต โดยศัพท์ “ชวนะ” แปลว่า แล่นไป คือ ไปอย่างเร็วในอารมณ์ด้วยกุศลจิตหรืออกุศลจิตหรือกิริยาจิต (เฉพาะพระอรหันต์)

วิถีจิตที่ ๗ คือ ตทาลัมพนวิถี หรือตทารัมมณวิถี ตทาลัมพนวิถีจิตเกิดขึ้น กระทำกิจรับรู้อารมณ์ต่อจากชวนวิถีจิต เมื่ออารมณ์นั้นยังไม่ดับไปเพราะรูปๆ หนึ่งมีอายุ ๑๗ ขณะจิต คือ ...

ขณะที่รูปเกิดขึ้นกระทบทวารและกระทบ...

อตีตภวังค์ เป็นขณะจิตที่ ๑

ภวังคจลนะ เป็นขณะจิตที่ ๒

ภวังคุปัจเฉทะ เป็นขณะจิตที่ ๓

ปัญจทวาราวัชชนะ เป็นขณะจิตที่ ๔

(ทวิ) ปัญจวิญญาณ เป็นขณะจิตที่ ๕

สัมปฏิจฉันนะ เป็นขณะจิตที่ ๖

สันตีรณะ เป็นขณะจิตที่ ๗

โวฏฐัพพนะ เป็นขณะจิตที่ ๘

ชวนะที่ ๑ เป็นขณะจิตที่ ๙

ชวนะที่ ๒ เป็นขณะจิตที่ ๑๐

ชวนะที่ ๓ เป็นขณะจิตที่ ๑๑

ชวนะที่ ๔ เป็นขณะจิตที่ ๑๒

ชวนะที่ ๕ เป็นขณะจิตที่ ๑๓

ชวนะที่ ๖ เป็นขณะจิตที่ ๑๔

ชวนะที่ ๗ เป็นขณะจิตที่ ๑๕ (รวมชวนจิต ๗ ขณะ)

รวมเป็นอายุของรูปที่เกิดตั้งแต่อตีตภวังคจิตถึงชวนจิตดวงสุดท้ายเป็น ๑๕ ขณะ รูปจึงยังไม่ดับ อายุของรูปยังเหลืออีก ๒ ขณะจิต วิสัยของผู้ที่เป็นกามบุคคลนั้น เมื่อชวนจิตแล่นไปในรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะแล้ว แต่รูปนั้นยังไม่ดับ

การสะสมของกรรมในอดีตที่ข้องอยู่ในรูป เสียง กลิ่น รสโผฏฐัพพะ ย่อมเป็นปัจจัยให้วิบากจิตเกิดขึ้นเป็นตทาลัมพนวิถีจิต รับรู้อารมณ์นั้นต่ออีก ๒ ขณะ ตทาลัมพนวิถีจิตที่กระทำกิจรู้อารมณ์ต่อจากชวนะวิถีนั้น เป็นวิถีจิตสุดท้ายที่เกิดขึ้นรู้อารมณ์ทางทวารหนึ่งๆ และต่อจากวิถีจิตสุดท้ายทางทวารหนึ่งๆ แล้ว ภวังคจิตก็เกิดดับสืบต่อไปจนกว่าวิถีจิตวาระต่อไปจะเกิดขึ้นรู้อารมณ์ทางทวารใดทวารหนึ่ง

ขณะใดที่เป็นภวังคจิต โลกนี้ไม่ปรากฏ ความทรงจำทั้งหมดเกี่ยวกับเรื่องราวของบุคคลต่างๆ เหตุการณ์ต่างๆ ในโลกนี้ไม่ปรากฏเลย ขณะที่นอนหลับสนิทเป็นภวังคจิตโดยตลอดนั้น ไม่มีความรู้ ความจำใดๆ เรื่องโลกนี้เลย และเมื่อจุติจิตเกิดกระทำกิจเคลื่อนจากความเป็นบุคคลนี้ ปฏิสนธิจิตก็เกิดต่อ และวิถีจิตที่จะเกิดต่อไป ก็เป็นเรื่องของโลกอื่นต่อไป แต่เมื่อจุติจิตยังไม่เกิด แม้ว่าภวังคจิตจะไม่รู้เรื่องราวต่างๆ ของโลกนี้เลย แต่เมื่อใดวิถีจิตเกิดขึ้น ก็ยับยั้งไม่ได้ที่จะรู้อารมณ์ของโลกนี้ คือ สี เสียง กลิ่น รสโผฏฐัพพะ และเรื่องราวต่างๆ ของโลกนี้ต่อไปอีก

ดาวน์โหลดหนังสือ --> ปรมัตถธรรมสังเขป


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
Tommy9
วันที่ 10 ก.พ. 2560

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
peem
วันที่ 2 เม.ย. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
chatchai.k
วันที่ 23 เม.ย. 2563

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
swanjariya
วันที่ 20 มิ.ย. 2567

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่ง

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ