วิถีจิตทางปัญจทวาร
วิถีจิตทางปัญจทวารมี ๗ วิถี
วิถีจิตที่ ๑ คือ อาวัชชนวิถี ได้แก่ ปัญจทวาราวัชชนจิต
วิถีจิตที่ ๒ คือ ทวิปัญจวิญญาณจิตดวงหนึ่งดวงใด คือ จักขุวิญญาณ หรือโสตวิญญาณ หรือฆานวิญญาณ หรือชิวหาวิญญาณ หรือกายวิญญาณ
วิถีจิตที่ ๓ คือ สัมปฏิจฉันนจิต เกิดขึ้นรับอารมณ์ต่อจากทวิปัญจวิญญาณ จิตดวงหนึ่งดวงใดที่ดับไป
วิถีจิตที่ ๔ คือ สันตีรณจิต พิจารณาอารมณ์
วิถีจิตที่ ๕ คือ โวฏฐัพพนจิต ทำกิจกระทำทางให้กุศลจิต หรืออกุศลจิต หรือกิริยาจิต (เฉพาะพระอรหันต์) เกิดต่อ
วิถีจิตที่ ๖ คือ ชวนวิถีจิต โดยศัพท์ “ชวนะ” แปลว่า แล่นไป คือ ไปอย่างเร็วในอารมณ์ด้วยกุศลจิตหรืออกุศลจิตหรือกิริยาจิต (เฉพาะพระอรหันต์)
วิถีจิตที่ ๗ คือ ตทาลัมพนวิถี หรือตทารัมมณวิถี ตทาลัมพนวิถีจิตเกิดขึ้น กระทำกิจรับรู้อารมณ์ต่อจากชวนวิถีจิต เมื่ออารมณ์นั้นยังไม่ดับไปเพราะรูปๆ หนึ่งมีอายุ ๑๗ ขณะจิต คือ ...
ขณะที่รูปเกิดขึ้นกระทบทวารและกระทบ...
อตีตภวังค์ เป็นขณะจิตที่ ๑
ภวังคจลนะ เป็นขณะจิตที่ ๒
ภวังคุปัจเฉทะ เป็นขณะจิตที่ ๓
ปัญจทวาราวัชชนะ เป็นขณะจิตที่ ๔
(ทวิ) ปัญจวิญญาณ เป็นขณะจิตที่ ๕
สัมปฏิจฉันนะ เป็นขณะจิตที่ ๖
สันตีรณะ เป็นขณะจิตที่ ๗
โวฏฐัพพนะ เป็นขณะจิตที่ ๘
ชวนะที่ ๑ เป็นขณะจิตที่ ๙
ชวนะที่ ๒ เป็นขณะจิตที่ ๑๐
ชวนะที่ ๓ เป็นขณะจิตที่ ๑๑
ชวนะที่ ๔ เป็นขณะจิตที่ ๑๒
ชวนะที่ ๕ เป็นขณะจิตที่ ๑๓
ชวนะที่ ๖ เป็นขณะจิตที่ ๑๔
ชวนะที่ ๗ เป็นขณะจิตที่ ๑๕ (รวมชวนจิต ๗ ขณะ)
รวมเป็นอายุของรูปที่เกิดตั้งแต่อตีตภวังคจิตถึงชวนจิตดวงสุดท้ายเป็น ๑๕ ขณะ รูปจึงยังไม่ดับ อายุของรูปยังเหลืออีก ๒ ขณะจิต วิสัยของผู้ที่เป็นกามบุคคลนั้น เมื่อชวนจิตแล่นไปในรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะแล้ว แต่รูปนั้นยังไม่ดับ
การสะสมของกรรมในอดีตที่ข้องอยู่ในรูป เสียง กลิ่น รสโผฏฐัพพะ ย่อมเป็นปัจจัยให้วิบากจิตเกิดขึ้นเป็นตทาลัมพนวิถีจิต รับรู้อารมณ์นั้นต่ออีก ๒ ขณะ ตทาลัมพนวิถีจิตที่กระทำกิจรู้อารมณ์ต่อจากชวนะวิถีนั้น เป็นวิถีจิตสุดท้ายที่เกิดขึ้นรู้อารมณ์ทางทวารหนึ่งๆ และต่อจากวิถีจิตสุดท้ายทางทวารหนึ่งๆ แล้ว ภวังคจิตก็เกิดดับสืบต่อไปจนกว่าวิถีจิตวาระต่อไปจะเกิดขึ้นรู้อารมณ์ทางทวารใดทวารหนึ่ง
ขณะใดที่เป็นภวังคจิต โลกนี้ไม่ปรากฏ ความทรงจำทั้งหมดเกี่ยวกับเรื่องราวของบุคคลต่างๆ เหตุการณ์ต่างๆ ในโลกนี้ไม่ปรากฏเลย ขณะที่นอนหลับสนิทเป็นภวังคจิตโดยตลอดนั้น ไม่มีความรู้ ความจำใดๆ เรื่องโลกนี้เลย และเมื่อจุติจิตเกิดกระทำกิจเคลื่อนจากความเป็นบุคคลนี้ ปฏิสนธิจิตก็เกิดต่อ และวิถีจิตที่จะเกิดต่อไป ก็เป็นเรื่องของโลกอื่นต่อไป แต่เมื่อจุติจิตยังไม่เกิด แม้ว่าภวังคจิตจะไม่รู้เรื่องราวต่างๆ ของโลกนี้เลย แต่เมื่อใดวิถีจิตเกิดขึ้น ก็ยับยั้งไม่ได้ที่จะรู้อารมณ์ของโลกนี้ คือ สี เสียง กลิ่น รสโผฏฐัพพะ และเรื่องราวต่างๆ ของโลกนี้ต่อไปอีก
ดาวน์โหลดหนังสือ --> ปรมัตถธรรมสังเขป