เข้าใจให้ชัดเจน ในเรื่องกรรม และ ผลของกรรมคืออะไร
สนทนาธรรมที่มูลนิธิฯ
วันที่ ๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๐
ถอดเทป โดย คุณย่าสงวน สุจริตกุล
นิรันด์ ขอรบกวนท่านอาจารย์ ช่วยอนุเคราะห์ ขอย้อนคำถามเรื่อง กัมมัสสกตาญาณของกรรม อยากให้อาจารย์ช่วยอนุเคราะห์ ช่วยให้เข้าใจ ที่ผ่านมาผมมีปัญหาเรื่องจิตใจอย่างมากรู้สึกว่าชีวิตของผมมันไม่ได้เป็นไปตามที่ผมต้องการ ผมมักจะโทษคนอื่นอยู่ตลอดว่า เพราะคนโน้นคนนี้รอบข้างทำให้ชีวิตผมไม่ได้เป็นไปตามที่ต้องการ ทำให้ผมรู้สึกว่าผมมีปัญหาชีวิตอย่างมากเลย ผมเคยอยากจะไปหาจิตแพทย์ตั้งหลายครั้ง แล้วว่าทำไมจึงเป็นอย่างนี้ๆ บางครั้งก็ไป บางครั้งก็ไม่ได้ไป ผมจึงขอให้อาจารย์ ช่วยอนุเคราะห์ทำให้เข้าใจในเรื่องของ กรรมมีอะไรบ้างที่จะช่วยให้เรามีความเข้าใจธรรมะ
อาจารย์ คงไม่ใช่เป็นเรื่องเข้าใจกรรมเพียงอย่างเดียว แต่เป็นเรื่องของ ความเข้าใจให้ถูกต้องว่า ไม่มีตัวตน
นิรันด์ ต้องเข้าใจไปถึงขั้นนั้นเลยหรือครับ
อาจารย์ นี่คือขั้นต้นที่สุดแล้ว ไม่อย่างนั้นกรรมคือเราใช่ไหมค่ะ เราคือ กรรม
นิรันด์ เวลาที่เขากล่าวสอนทั่วๆ ไป เขาจะกล่าวโดยเรื่องราวว่าเป็น เพราะผลของกรรมเวลาที่ได้รับกรรม
อาจารย์ ก็ต้องชัดเจนว่ากรรมคืออะไร และผลของกรรมคืออะไร เมื่อไรด้วย จะได้เข้าใจจริงๆ ว่า เป็นจริงๆ ว่าเป็นจริงอย่างนั้นหรือเปล่า
นิรันด์ อาจารย์ ช่วยให้ความเข้าใจเพิ่มเติม
อาจารย์ มีตัวเราหรือเปล่า
นิรันด์ ถ้ากล่าวโดยทฤษฎี หรือโดยความเข้าใจตามที่ได้ศึกษา ไม่มีตัวเรา
อาจารย์ แต่มีธรรม
นิรันด์ โดยความเข้าใจใช่ครับ
อาจารย์ เพราะฉะนั้น เมื่อเข้าใจในขั้นต้นต้องฟังแล้วพิจารณาต่อไปจนกระทั่งมีความเข้าใจเพิ่มเติม มิฉะนั้น เราข้ามตอนคือ อยากจะเข้าใจตอนนี้ อยากจะเข้าใจตอนนั้น แต่ไม่สามารถจะเข้าใจได้ เพราะว่าไม่มีความมั่นคงจริงๆ ในเรื่องของธรรมที่มีที่กำลังปรากฏเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย แค่นี้ก็มีเรื่องที่จะต้องไตร่ตรองแล้ว
ขณะนี้อะไรล่ะเกิดอะไรปรากฏ เกิดขึ้นปรากฏเพราะเหตุปัจจัยอะไร ทรงแสดงไว้โดยละเอียด ที่จะต้องเข้าใจจริงๆ ว่า ถ้าพูดถึงกรรมหมายความถึง “เจตนา” ความจงใจความตั้งใจได้แก่เจตนาเจตสิก และถ้าจะกล่าวถึงสภาพของเจตสิกซึ่งเป็นความจงใจ ความตั้งใจ เราจะไม่รู้เลยว่าเกิดทุกขณะจิตแม้กำลังเห็น กำลังได้ยิน ก็มีเจตนาเจตสิกเกิดร่วมด้วย แต่เรามักจะคิดถึงขณะที่เป็นไปในกุศลหรืออกุศล ก็สามารถจะเข้าใจในขณะนั้นว่า จงใจนั้น เป็นไปในกุศลหรือความเข้าใจนั้นเป็นไปในอกุศล เราก็พอจะสังเกตพอที่จะรู้ได้ พอที่จะเข้าใจได้ เช่น ขณะที่คิดถึงคนอื่นด้วยความเมตตาขณะนั้นไม่มีการเบียดเบียน ประทุษร้าย มีความเป็นมิตร เจตนานั้นเป็นไปในกุศล ในความเป็นมิตร ก็เป็นเจตนาชนิดหนึ่ง และเวลาที่เกิดประทุษร้ายคนอื่น ถ้าไม่มีเจตนา ไม่จงใจตั้งใจที่จะทำร้ายใครเลย เพราะว่าเจตสิกอื่นก็มี ผัสสเจตสิกก็เกิดด้วย เวทนาเจตสิกก็เกิดด้วย เจตนาเจตสิกขณะนั้นก็เป็นอกุศลที่มีกำลัง ถึงคิดที่จะทำร้ายเบียดเบียนคนอื่น สภาพธรรมที่เป็นกรรม เพราะว่าจริงๆ แล้ว สิ่งที่เราไม่ได้รู้เลยว่าขณะนั้นเป็นอะไรเช่นในขณะนี้ “เห็น” ก็ไม่รู้ว่าเป็นอะไรแล้ว เราพูดถึงเรื่องกรรมก็ไม่ได้ เพราะเรายังเลยว่าเห็นนี้เป็นอะไร ต้องที่เห็นเป็นธรรม ไม่ใช่เรา กำลังมีสิ่งที่ปรากฏให้เห็น ธาตุเห็นมีเกิดขึ้น และถ้าเราจะเข้าใจเรื่องของกรรมและผลของกรรมจริงๆ ในขณะที่กำลังเห็นนี้ เราทำเห็นให้เกิดขึ้นได้ไหม? ...
นิรันด์ ไม่ได้
อาจารย์ เพราะฉะนั้น สิ่งใดก็ตามที่เกิดทั้งหมดมีปัจจัยสถานะใด เช่น การเกิดครั้งแรกปฎิสนธิจิตเกิดขึ้นนี้เป็นกรรมหรือเป็นผลของกรรม
นิรันด์ เป็นผลของกรรม
อาจารย์ เป็นผลของกรรม เพราะขณะนั้นไม่ใช่กุศลไม่ใช่อกุศล ไม่ใช่ขณะให้ทาน ขณะวิรัติทุจริต ขณะอบรมเจริญปัญญา ขณะฟังธรรม ขณะช่วยเหลือคนอื่น ไม่ใช่เลย แต่ว่ามีปัจจัยคือ กรรมหนึ่งซึ่งได้กระทำแล้วทำให้ปฎิสนธิจิตเกิดขึ้น ที่เราใช้คำว่า กรรมหนึ่ง ความจริงปฎิสนธิจิตประมวลมาซึ่งกุศลและอกุศลที่ได้สะสมมา ที่ทำให้จิตในขณะนั้นเป็นสภาพของจิตประเภทนั้นที่เกิดขึ้นทำกิจปฎิสนธิ