ผู้ไม่รู้เท่าทันของสภาพธรรมที่ได้กระทำไปแล้วในอดีต?
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัยและเป็นที่พึ่งอันสูงสุด
ในช่วงนี้ มีผู้โพสต์เกี่ยวกับเรื่องกรรมมามาก ซึ่งจริงๆ แล้ว ผมก็เคยศึกษากรรม ๑๒ ประเภท ในพระไตรปิฏก ในพระสูตรครับ แต่มาโพสต์เพิ่มเติม ก็คลายข้อข้องใจได้มาก ได้รับทราบความคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ และมีเหตุผลครับ ผมเองในตอนแรกก็ชอบอ่านในพระสูตรอย่างเดียว ในระยะหลังได้ขอหนังสือจากมูลนิธิฯ มาหลายเล่ม (เช่นปรมัตรธรรมสังเขป, แนวทางเจริญวิปัสสนา, พุทธธรรม, บทบาทของ อ.สุจินต์ในการเผยแผ่พุทธธรรม เป็นต้น) เนื่องจากไม่ค่อยมีเวลาเดินทางไปรับ เลยขออนุญาต ขอมาหลายเล่มหน่อยซึ่งผมคิดแน่วแน่อยู่แล้วว่า จะต้องอ่านแน่ๆ ก็เริ่มสนใจในพระอภิธรรมมากขึ้น ในตอนแรกก็อ่านยากนะครับ ยากมากสำหรับผมนะ แต่อ่านไป และก็ติดตามอ่านใน web แห่งนี้ ก็ค่อยๆ ซึมโดยไม่รู้ตัว ก็เริ่มจะเข้าใจ แค่เริ่มจะเข้าใจนะครับ แต่ผมคิดว่าผมเริ่มจะสนใจในพระอภิธรรมมากขึ้น เนื่องจากเหตุปัจจัยเบื้องต้นที่ได้ติดตามเปิด web นี้ และก็โพสต์มา ก็มีผู้ตอบ โดยไม่ได้รำคาญ ขออนุโมทนากับทุกท่าน ที่แสดงความคิดเห็นให้กับทุกท่าน ที่ติดตามอ่านได้ความรู้มากขึ้นไป ขอขอบคุณทุกท่าน ด้วยใจจริงครับ
ในหัวข้อนี้ ขอให้ทุกท่านช่วยแสดงความคิดเห็น อีก ๑ ข้อนะครับ
๑. ในอดีตที่ผ่านมา ช่วง ๒-๓ ปีที่แล้ว ก่อนที่ผมจะเริ่มศึกษาธรรมอย่างจริงจัง ผมไม่รู้สภาพธรรมและกรรมที่กระทำลงไป ผมได้หาผู้รับเหมามารับงาน เขาได้งานที่สำคัญ ผมขอเปอร์เซ็นต์ส่วนแบ่งเงิน เพราะถูกเงินครอบงำจริงๆ เลยหางานอดิเรกให้กับตัวเองนอกเหนือจากงานที่ทำในบริษัท บริษัทไม่รู้ และเขายินดีแบ่งให้ เหตุการณ์นี้เป็นกรรมที่จะมีผลในทางไม่ดีกับผมในอนาคตหรือไม่ครับ หรือว่ากลางๆ ครับ มีท่านผู้รู้บอกผมว่าเป็นบุญของผม ที่ผมจะได้รับเงินนั้น เป็นกรรมของเขา ที่เขาต้องนำเงินมาแบ่งให้เรา เป็นเช่นนั้นจริงๆ หรือครับ?
๒. หากเป็นกรรม ผมเชื่อแน่ทุกอย่างเป็นกรรมดี และไม่ดีแน่ผมจะต้องได้รับในอนาคต ในแบบที่เป็น เช่น ความจน เป็นหนี้ เงินทองที่หามา ต้องมีปัจจัยให้หายไป หรือต้องแบ่งให้คนอื่นหรือเปล่า? (แต่เขาแบ่งให้ผม ด้วยความยินดีนะครับ) หากในปัจจุบัน ผมรู้ในกรรม เชื่อในกรรม ผมจะหาทางช่วยให้เขาได้รับรู้ธรรมะ เช่นเดียวกับผม พอที่จะล้างกรรมไม่ดี ที่เป็นกรรมสัมพันธ์ระหว่างผมกับเขา ได้หรือไม่แบบเบาบางลง แต่ผมรู้ว่ากรรมไม่ดีก็รอผลรับกรรมแน่ขอคำแนะนำหน่อยครับ จะทำอย่างไรได้บ้าง หรือต้องนำเงินไปคืนเขาให้หมด!!!
๓. ปัจจุบัน ผมไม่เอาแล้วครับ เพราะรู้ว่าเขามารับเหมา เขาก็ไม่รวยสักที และผมมารู้ธรรมะ เลยละอกุศลที่เกิด แม้ว่าเขาจะยินดีก็ตาม ผมก็ขอปลอดภัยไว้ก่อน ในช่วงนั้นอะไรเป็นกุศล อะไรเป็นอกุศล (ผมหางานให้เขาเป็นกุศลหรือไม่ ผมขอเปอร์เซ็นต์ เป็นอกุศลหรือไม่ เขาได้งานเขาดีใจ เป็นกุศลหรือไม่ ผมได้เงินเป็นกุศลหรือไม่)
ขออนุโมทนาครับ
ถ้าเป็นกรรมควรพิจารณาว่า เป็นอกุศลกรรมใด ในอกุศลกรรมบถ ๑๐ ถ้าเป็นบุญหมายถึง เป็นบุญใดในบุญญกิริยาวัตถุ ๑๐ และที่สำคัญเป็นกุศล หรืออกุศล อยู่ที่สภาพจิตครับ ถ้าจิตเป็นไปใน ทาน ศีล และภาวนา อย่างใดอย่างหนึ่ง จิตเป็นกุศลแต่ถ้าจิตไม่ได้เป็นไปในทาน ศีล และภาวนา ชวนจิตเป็นอกุศล
การกระทำใดๆ ถ้าทำแล้วกุศลเจริญก็ควรทำ ถ้าทำแล้วอกุศลเจริญ เกิดความเศร้าหมอง เดือดร้อนใจภายหลังก็ไม่ควร ทุกคนกระทำกรรมมาแล้ว ทั้งกุศลกรรมและอกุศลกรรม ได้รับผลของการกระทำแล้วมากมาย แต่อดีตชาติที่ผ่านมา ไม่ว่าจะสุขปานใด หรือทุกข์ปานใด ก็ลืมหมดแล้ว เหมือนประตูที่ปิดสนิท ชาตินี้จะทำกรรมใด จะเดือดร้อนเพียงใด จะปิติเพียงใด พอถึงชาติหน้าก็จำอะไรไม่ได้อีก ก็เป็นเช่นนี้ต่อๆ ไปตามการสะสม ถ้าไม่มีโอกาสได้ฟังธรรม ก็ไม่มีหนทางได้เข้าใจสภาพธรรมที่ปราฏ ก็ต้องเป็นเรา ที่ยุ่งอยู่กับเรื่องราว ที่เกี่ยวข้องกับตัวเราไปตลอด เรื่องราวเปลี่ยน แต่สภาพธรรมไม่เปลี่ยน เมื่อรู้สภาพธรรมมากขึ้น ก็วุ่นวายในเรื่องราวน้อยลง
ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นธรรมะ ขณะเห็นเมื่อวานนี้ดับไปแล้ว จะไม่มีทางกลับมาเห็นอีก ธรรมะเกิดดับๆ ตลอดเวลา ไม่ควรคำนึงถึงสิ่งที่ล่วงมาแล้ว ให้อยู่กับปัจจุบันอบรมเจริญปัญญาดีกว่าค่ะ
คุณก็เคยศึกษากรรม 12 ประเภท ในพระไตรปิฏก ในพระสูตร คุณเข้าใจอย่างไรแสดงความเข้าใจของคุณมาได้ไหม กรรม ๑๒ ประเภท คุณเข้าใจอย่างไร ทำไมคุณสงสัยตัวเอง คุณคิดว่าคุณทำกรรมอะไร คุณหางานให้ผู้รับเหมา แล้วผู้รับเหมาให้เปอร์เซ็นต์คุณ เป็นกรรมอะไร ให้ผลอย่างไร ผู้ศึกษาธรรมก็จะแสดงความคิดเห็น เป็นเรื่องเฉพาะลงไป
ขอแนะนำให้ค่อยๆ ศึกษาพระธรรมวินัย โดยอ่านจาก หนังสือ "ปรมัตถธรรมสังเขป" ก่อน เพราะใช้ภาษาอธิบาย ข้อความโดยตรงจากพระไตรปิฎก ไม่ยากเกินกว่าจะเข้าใจได้ ที่สำคัญตอบปัญหาของคุณได้ทุกข้อ รวมทั้งความเข้าใจ ความหมายทางภาษาที่ยังคลาดเคลื่อน เช่นคำว่า บุญ กรรม เป็นต้น พระธรรมวินัย หากศึกษาพิจารณาเข้าใจจริงๆ จะเป็นเหตุปัจจัยให้รู้ว่า อะไรควร อะไรไม่ควร การปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ย่อมนำมาซึ่งความเจริญทั้งทางโลกและทางธรรมค่ะ. สมจริง ตามคาถาที่กล่าวไว้ว่า "ธรรม ย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรม"