เหตุที่ทำให้บุคคลไม่เชื่อในพระธรรม !

 
เจริญในธรรม
วันที่  13 ก.พ. 2551
หมายเลข  7348
อ่าน  1,355

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัยและเป็นที่พึ่งอันสูงสุด

เหตุที่ทำให้บุคลไม่เชื่อในพระธรรม

- ไม่เชื่อว่านรก สวรรค์ มี เพราะไม่เห็น พิสูจน์ไม่ได้ นักวิทยาศาสตร์ก็พิสูจน์ไม่ได้

- ไม่เชื่อว่าโลกหน้ามี เพราะพิสูจน์ไม่ได้ว่าตายแล้วไปไหน

- ไม่เชื่อว่ากรรมมี เพราะทำดีไม่ได้ดี ทำชั่วไม่ได้ชั่ว มีถมไป

- เชื่อว่าพระธรรมเป็นกุศโลบายของพระศาสดา ผู้นำศาสนาอย่างหนึ่ง ให้คนทำดี หากไม่มีศาสนา คนคงจะป่าเถื่อน

- เชื่อว่าพระธรรม เป็นสิ่งสมมติแบบหนึ่ง พระศาสดาเป็นผู้กำหนดขึ้นมา ไม่ใช่กฏของธรรมชาติ

- เห็นสาวกของพระพุทธองค์ พระตามวัดในปัจจุบัน ไม่ปฏิบัติดี อยู่ในศีล ไม่ศึกษาธรรม

- เห็นปาฏิหารย์ต่างๆ เป็นเรื่องเป็นไปไม่ได้ เช่น ถาดลอยทวนน้ำ พระอินทร์เอาพระเกศาไปบรรจุที่พระจุฬามณี มีรัศมีของพระองค์แผ่ไปรอบทิศ มีเทวดามาดีดพิณ เทวดามาแปลงกายเป็นคนแก่ คนเจ็บ คนตาย ตอนก่อนออกบวช พระโมคคัลานะ ไปแสดงอิทธิฤทธิ์ใช้หัวแม่โป้งเขย่าปราสาท ๑๐๐ ชั้นของพระอินทร์ เรื่องทิฐธรรม เวชนียกรรม ที่ทำทานแล้ว ส่งผลรวยภายใน ๗ วัน ฯลฯ (เรื่องนี้น่าคิดนะ เพราะคนส่วนใหญ่คิดอย่างนั้น เลยมามองคนที่ปฏิบัติาโง่ งมงาย แก่ โบราณเป็นต้น)

มีคำถามตามมา ของผู้ที่ไม่เชื่อพระธรรม

- หากคนมาปฏิบัติธรรมกันหมด เป็นพระกันหมด ออกบวชกันหมด ใครจะหุงหาข้าว ใครจะทำนา ใครจะทำอาชีพต่างๆ แล้วผู้ปฎิบัติธรรมจะเอาอะไรกิน ไม่ต้องถึงกับหมดโลกหรอก แค่ประเทศไทยประเทศเดียวก็พอ

- ธรรมะเป็นเรื่องของพระ ฆราวาสไม่ควร เพราะส่วนใหญ่ปฏิบัติธรรม ทำให้ไม่เชี่ยวชาญในอาชีพ ไม่รวย งมงาย หลง อ่อนแอ ยอมคน ฯลฯ เลยเห็นว่าเป็นเรื่องของพระคนละโลกกัน

- เห็นในสิ่งที่ไม่ควรละหน้าที่ เช่น ออกบวชทิ้งลูกเมีย เลยเห็นการละหน้าที่ว่าเป็นสิ่งไม่ดี

- เห็นผู้ที่ปฏิบัติ มีความเห็นแก่ตัว สนใจแต่พระธรรม ไม่สนใจคนใกล้ตัวหรือทางโลก สนใจที่ให้ตัวเองหลุดพ้น เลยเกิดอคติกับคนกลุ่มผู้ปฏิบัติ

- เรื่องอิทธิฤทธิ์ ถ้ามี ลองพิสูจน์ให้เห็นหน่อยสิ ไม่ใช่บอกแต่ว่า มีแต่พระอรหันต์และพระพุทธองค์ที่สามารถทำได้ รู้ได้ (เข้าข้างตัวเองหรือเปล่าหรือพูดเองหรือเปล่า) แล้วทุกท่านมีวิธีอย่างไร ให้คนเหล่านี้ ซึ่งเป็นส่วนมากในสังคมบนโลกใบนี้หันมาศึกษาพระธรรม หรือว่าจะปล่อยให้เขา รับกับชะตากรรมในวัฏฏะนี้

ขอความคิดเห็นหน่อยนะครับ ขออนุโมทนาครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
study
วันที่ 13 ก.พ. 2551

ทุกวันนี้ทางมูลนิธิฯ เผยแพร่พระธรรม คือ คำบรรยายของท่านอาจารย์ ตามสถานีวิทยุต่างๆ และทางสื่ออื่นๆ เช่น ทีวี อินเตอร์เน็ต แจกหนังสือ เป็นต้น เพื่อให้คนได้รับฟังพระสัทธรรม อันแสดงความจริง เมื่อฟังเข้าใจแล้ว ย่อมพ้นจากการหลงผิด รู้สิ่งที่ควรทำ และสิ่งที่ควรเว้น บำเพ็ญปฏิปทา เพื่อการหลุดพ้นจากกองทุกข์ทั้งปวง แต่สำหรับผู้ที่ไม่ได้สะสมอุปนิสัยมา เขาย่อมไม่เห็นคุณค่าของพระธรรม แม้แต่จะฟังก็ไม่ยอม แล้วเราจะไปทำอะไรเขาได้ พระตถาคตเป็นเพียงผู้บอกทางเท่านั้น ดังข้อความบางตอนจาก ปุปผสูตร ว่า
ขอเชิญคลิกอ่านได้ที่... ว่าด้วยพระพุทธองค์ไม่ขัดแย้งกับโลก [ปุปผสูตร]

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
shumporn.t
วันที่ 13 ก.พ. 2551

ถ้าอยากอนุเคราะห์เขาคนนั้นจริงๆ ก็รอชวนเขาทุกเสาร์อาทิตย์

มาฟังธรรมที่มูลนิธิฯ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
ajarnkruo
วันที่ 13 ก.พ. 2551

แล้วแต่การสะสมจริงๆ ครับ ก่อนที่เราจะได้มาฟังพระธรรม เราไปอยู่ที่ไหนมา คิดๆ ดูแล้ว ก็อาจจะมีคนที่เขาพยายามจะชี้ทางให้เราได้สนใจพระธรรมบ้าง แต่เราก็ไม่ได้สนใจซะเอง ผู้ที่ไม่เห็นคุณของการสั่งสมอริยทรัพย์ ก็เห็นแต่ทรัพย์ อันเป็นประโยชน์แก่ตน เฉพาะโลกนี้เท่านั้นครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
ป้าจาย
วันที่ 13 ก.พ. 2551
เหตุที่ไม่เชื่อในพระธรรม ก็เพราะยังเป็นมิจฉาทิษฐิ
 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
แล้วเจอกัน
วันที่ 13 ก.พ. 2551
เพราะความไม่รู้ อวิชชา
 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
wannee.s
วันที่ 13 ก.พ. 2551

การที่เราจะมีความเห็นถูก ต้องเป็นผู้ที่เคยสะสมกุศลไว้แล้วในกาลก่อน เพราะอาศัยกุศลที่ทำไว้ ทำให้ได้อยู่ในประเทศอันสมควร คือมีคำสอนของพระพุทธเจ้า ได้คบกับสัตบุรุษ ได้ฟังธรรมะของสัตบุรุษ ฯลฯ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
ศรัทธา
วันที่ 15 ก.พ. 2551

บางเรื่องที่วิทยาศาสตร์สามารถพิสูจน์ได้ แต่ถ้าไม่ตรงกับความเชื่อของเขา เขาก็ไม่ยอมรับความจริงอยู่ดีครับ บางคนจึงอยู่ในโลกของความเชื่อ มากกว่าโลกของความจริง รู้สึกน่าเห็นใจ เพราะว่าเป็นเรื่องยากที่จะรับได้หากความจริงไม่ตรงกับความเชื่อของตนเอง

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
Pararawee
วันที่ 15 ก.พ. 2551

"- เรื่องอิทธิฤทธิ์ ถ้ามี ลองพิสูจน์ให้เห็นหน่อยสิ ไม่ใช่บอกแต่ว่า มีแต่พระอรหันต์และพระพุทธองค์ที่สามารถทำได้ รู้ได้ (เข้าข้างตัวเองหรือเปล่า หรือ พูดเองหรือเปล่า) "

"แล้วทุกท่านมีวิธีอย่างไร"

ไม่เห็นจำเป็นจะต้องพิสูจน์อะไรกันเลยนี่คะ แล้วก็คงจะไม่ต้องเที่ยวตามหาวิธี ที่จะให้ผู้อื่นมาสนใจพระธรรม เพราะทุกอย่างเป็นอนัตตา ไม่สามารถบังคับบัญชาได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับกุศลที่ได้ทำไว้แล้วนะคะ อ่านแล้วรู้สึกเสียใจอย่างไรไม่ทราบน่ะค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
พุทธรักษา
วันที่ 15 ก.พ. 2551

จากข้อ ๘ อ่านแล้ว รู้สึกเสียใจหรือคะ ก็เพราะมีเหตุปัจจัยจึงเกิดและบังคับบัญชาไม่ได้จริงๆ ค่ะ. แต่ควรทราบว่า เมื่อจิตเกิดรู้สิ่งใดๆ จิตทำหน้าที่รู้อารมณที่มากระทบเท่านั้นเท่านั้น แต่เจตสิกที่เกิดร่วมด้วย เป็นเหตุปัจจัยให้เกิด ความเสียใจ เป็นต้น ตามหลักสัจจธรรม ความเสียใจเกิดแล้วดับไปทันทีเพราะเป็นเจตสิก แต่ปัญญาเจตสิก จะรู้ตามความเป็นจริงได้ ต้องอบรมจนกว่าจะมีกำลัง ไม่ว่าจะกล่าวเรื่องอะไร จึงควรน้อมระลึกถึง"ปรมัตถธรรม"เสมอๆ . ที่สำคัญ ขณะนี้สภาพธรรมใดกำลังเกิดทางทวารไหน มีลักษณะอย่างไร รู้อะไร หากจิตประกอบด้วย"ปัญญาเจตสิก"ขณะใด ขณะนั้นทราบว่าทุกอย่างเป็นสภาพธรรม ไม่มีสัตว์ บุคคล ตัวตน ไม่ใช่สิ่งของใดๆ เลย นี่คือสิ่งที่ต้องศึกษาอบรมให้รู้บ่อยๆ เนืองๆ ความรู้อื่น เปรียบเหมือนใบไม้ในป่า แต่ความรู้อริยสัจจ์ ที่พระผู้มีพระภาคตรัสรู้ เปรียบเหมือนใบไม้ในกำมือ.

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
ajarnkruo
วันที่ 15 ก.พ. 2551

รู้เรื่องอื่นๆ รู้มากมาย เหมือนใบไม้ในป่า มีมากแต่ไม่เป็นประโยชน์ต่อตนเองจริงๆ เพราะไม่ทำให้หลุดพ้นทุกข์ ไม่ทำให้ออกไปจากวัฏฏะ แต่ความเข้าใจพระธรรมจากพระไตรปิฎกเหมือนใบไม้ในกำมือ ใกล้มือ ในมือ จะศึกษาแล้วน้อมประพฤติปฏิบัติตามได้มากเท่าไรก็สุดแล้วแต่กำลังของปัญญา ฟังพระธรรมที่พระพุทธองค์ได้ทรงแสดงไว้ให้เข้าใจ เพื่อถึงพระรัตนตรัยเป็นสรณะครับ ...อนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
Pararawee
วันที่ 16 ก.พ. 2551

อนุโมทนาทุกท่านค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ