ความเข้าใจสภาพธรรม ๑๗ - บังคับอะไรไม่ได้เลย
วิปัสสนาภาวนา ทำให้ละคลายจากความเป็นตัวตน เรารู้ว่า ที่เราคิดว่าเป็นตัวตนนั้น แท้จริงคือธาตุต่างๆ เป็นนามธรรมและรูปธรรม ซึ่งจะรู้ได้ก็เมื่อกำลังปรากฏ ดิฉันและสามี ได้รับเชิญไปยังภัตตาคารแห่งหนึ่ง ซึ่งหนาวมาก ดิฉันไม่ชอบหนาวและเกือบที่จะพูดอะไรออกมา แต่นั่นเป็นการไม่อดทนและขาดความเกรงใจเจ้าภาพ ดิฉันจึงพิจารณารู้ว่า นามธรรมและรูปธรรมซึ่งเกิดขึ้นนั้น บังคับบัญชาไม่ได้ เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย เราคิดว่าบังคับได้ บางครั้ง ดูเสมือนว่าเราบังคับได้ แต่ความจริงแล้วไม่ได้เลย ความสุขหรือทุกข์ทางกาย เป็นไปตามโลกธรรม ๘ ซึ่งบังคับบัญชาไม่ได้ พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงสอนให้เราอบรมเจริญปัญญา รู้สภาพธรรมที่ปรากฏในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่น่าพอใจหรือไม่น่าพอใจ สติอาจจะเกิดขึ้น เมื่อใดก็ได้ ที่ไหนก็ได้ ในชีวิตประจำวันของเรา แม้ในเวลาที่เราไม่สบาย หรือเวลาเรารู้สึกหนาว สติก็สามารถระลึกรู้สภาพธรรมได้ ตัวอย่างเช่น ถ้าสติเกิดระลึกรู้สภาพเย็นที่ปรากฏในขณะนั้น ก็ไม่มีความคิดว่า เท้าของฉันกำลังเย็น หรือเย็นจัด ซึ่งไม่ใช่การรู้สภาพธรรม แต่เป็นการคิดเรื่องราว หลังจากสติเกิดแล้ว ก็อาจจะมีโลภะ โทสะ หรือโมหะเกิดขึ้นอีกได้ แต่สติที่เกิดขณะหนึ่งๆ นั้น ก็มิได้สูญไปเลย สติดับไปแล้ว แต่ก็เป็นปัจจัยให้สติเกิดอีกได้ในภายหลัง เราอาจจะคิดถึงโลกธรรม ๘ แต่การอบรมเจริญปัญญา ที่จะรู้สภาพธรรม จะทำให้เราอดทน ต่อความเปลี่ยนแปลงของชีวิตได้เป็นอย่างดี ในที่สุด ปัญญาที่รู้สภาพธรรมจะนำไปสู่การละคลายความยึดมั่น และการหลุดพ้นจากความทุกข์ทั้งปวงได้
ขอเชิญคลิกอ่านตอนต่อไป และอ่านเพิ่มเติม ...
ความตื่นเต้นเป็นอกุศลธรรมอย่างหนึ่ง อกุศลธรรม จะดับได้ด้วยปัญญา ดังนั้นจึงควรฟังพระธรรม เพื่อการเจริญขึ้นของปัญญา เมื่อปัญญาเจริญเติบโตขึ้น ปัญญาย่อมทำกิจของปัญญา ไม่มีวิธีอื่นครับ