การออกบวช
ผู้ที่ออกบวชเป็นบรรพชิต เพราะสะสมที่จะเป็นบรรพชิต อนึ่ง บรรพชิตในโลกนี้มีอยู่หลายจำพวก บางจำพวก เป็นบรรพชิตเพียงภายนอกเท่านั้น จิตใจและความประพฤติไม่เป็นบรรพชิตก็มี บางจำพวกเป็นบรรพชิตทั้งภายนอกและภายในก็มี การเป็นคฤหัสถ์ที่ดี ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย การเป็นบรรพชิตที่ดียิ่งยากกว่า ดังนั้นผู้ที่จะออกบวช ควรพิจารณาให้รอบคอบว่า ตนมีอัธยาศัยเป็นบรรพชิตจริงๆ หรือไม่ ถ้าจะบวช บวชเพื่ออะไร
ในสมัยพุทธกาล ผู้ที่ได้ฟังและเข้าใจพระธรรมแล้ว และเป็นผู้รู้ตัวเองดีว่าเป็นผู้ที่มีอุปนิสัยในการที่จะศึกษาพระธรรม ในเพศของนักบวช คือ ไม่ยินดีใน รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัสทางกาย กล่าวโดยรวมว่า ไม่ยินดีในกาม ท่านก็ออกบวชเพื่อประพฤติปฏิบัติตามคำสอนอย่างเพศบรรพชิต ส่วนท่านที่ได้ฟังพระธรรมมีความเข้าใจจนถึงขั้นบรรลุเป็นพระอริยบุคคล ท่านไม่บวชก็มี เพราะท่านทราบตัวท่านเองดีว่า ท่านสะสมอุปนิสัยที่จะเป็นผู้ครองเรือน หรือเป็นนักบวช และการบวชหรือการเป็นผู้ครองเรือน ก็สามารถศึกษาธรรม และเมื่อบารมีที่สะสมมามีปัจจัยที่เพียงพอ ท่านก็สามารถบรรลุเป็นพระอริยบุคคลได้ สำหรับในปัจจุบัน ผู้ที่สั่งสมอุปนิสัยมา ที่จะประพฤติตามพระธรรมในเพศใดก็ตัวท่านเองที่จะรู้เอง แต่ต้องมีความเข้าใจว่า การบวชคืออะไร มีวัตถุประสงค์ตรงตามที่พระพุทธองค์ทรงแสดงไว้หรือไม่ และจะสามารถประพฤติตามพระวินัย ที่ทรงบัญญัติไว้ได้ครบถ้วนหรือไม่ หากทำผิดพระวินัย จะเป็นโทษแก่ตัวผู้บวชเอง ซึ่งมีโทษมากแม้แต่การรับเงิน หากไม่คืนและปลงอาบัติ ท่านก็ต้องอาบัติ เป็นต้น คำสอนที่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงแสดงเป็นคำสอนที่ประกอบด้วยเหตุและผล ลึกซึ้ง สุขุม ละเอียด สอดคล้องกันทั้งสามปิฎก เป็นไปเพื่อการละ เช่นการศึกษาก็เพื่อละความไม่รู้ การฟังก็เพื่อเข้าใจในสิ่งที่ได้ยิน ได้ฟังเพื่อละความไม่รู้ ในสิ่งที่ไม่เคยรู้มาก่อน และเพิ่มพูนความเข้าใจจากที่เคยได้ยิน ได้ฟังมาก่อนให้แจ่มแจ้งยิ่งขึ้น เพื่อนำมาสู่การประพฤติตนในชีวิตประจำวัน ที่เป็นไปในสิ่งที่เป็นประโยชน์ (กุศล) นั่นเอง ขออนุโมทนาครับ