จดหมายจากท่านผู้ฟัง [3]

 
สารธรรม
วันที่  20 ก.พ. 2551
หมายเลข  7434
อ่าน  1,100

ท่าน อ. สุจินต์ : มีจดหมายของท่านผู้ฟังอีกฉบับหนึ่งนะคะ ซึ่งก็จะขอกล่าวถึงข้อความบางตอน ท่านเขียนมาจากบ้านเลขที่ .... สุดตรอกวัด...... ต. ..... สุดถนน.......... อ. บางกอกใหญ่ กรุงเทพ ๖

วันที่ ๓ ตุลาคม ๒๕๑๗

เรียนอาจารย์ที่เคารพนับถือย่างสูง

จดหมายของผมลงวันที่ ๑๘ กันยายน พ.ศ. ๒๕๑๗ หวังว่าอาจารย์ได้รับแล้วฉบับนี้ ผมเขียนมาคุยกับอาจารย์เป็นการส่วนตัว เพื่อสนับสนุนการบรรยายของอาจารย์เช่นเคย ฉบับก่อนนั้น ผมกล่าวว่า สำนักปฏิบัติจำเป็นอย่างยิ่ง ต้องมี สำหรับผู้ที่ไม่เคยรู้เรื่องรูปเรื่องนามมาก่อนเลยนั้น เมื่อวันเวลาล่วงเลยไปจนถึงบัดนี้ ผมกลับมีความเห็นว่าเป็นคำพูดที่ไม่ตรงต่อสภาพความเป็นจริงนัก กล่าวคือ ปกติถ้าคนเรามีสติซะอย่าง ไม่หลงลืม ปล่อยให้สติขาดลอย เรื่อยเปื่อย ด้วยเหตุเพราะธรรมะดีบ้าง เลวบ้าง กลางๆ บ้าง ที่มากระทบสัมผัสแล้วเลยเป็นไปด้วยกุศลบ้าง อกุศลบ้าง หรืออัพยากตธรรมบ้างแล้วไซร้ ย่อมมีสติ เจริญสติระลึกรู้สภาพและในลักษณะของธรรมะได้ทุกชนิดที่เกิดดับๆ มากมาย เหลือที่จะคณานับได้ด้วยความรู้สึกของตนเองตามความเป็นจริงดังที่อาจารย์บรรยายทุกประการ

ฉะนั้น ปัญหาเรื่องสำนักปฏบัติ ถ้าพูดตรงๆ พูดชัดและตัดสินให้สั้นเข้า โดยง่าย ผมขอแก้ว่า ไม่ต้องมีเพราะไม่จำเป็น เหตุผล เพราะอะไรจึงไม่จำเป็นต้องมีสำนักปฏิบัติ คำตอบ คือถึงแม้ไม่มีสำนักปฏิบัติเลย จนสำนักเดียว สติก็มีโอกาสเกิดได้อยู่แล้ว แม้บางครั้งบางคราว ตามสภาพความเป็นจริงในชีวิต อันเป็นปกติอย่างธรรมดาที่ผ่านมาจวบจนขนาดนี้และในโอกาสต่อๆ ไปความรู้สึกของตนเองมันบอก ธรรมชาติมันเป็นจริงอย่างนั้น

ท่าน อ. สุจินต์ สำหรับข้อความตอนอื่นก็ขอเว้นนะคะ เพราะเหตุว่า เป็นข้อความที่เกี่ยวกับสำนักปฏิบัติที่มีชื่อ ว่าเป็นสำนักใด ไม่ทราบ ท่านผู้ฟังมีความคิดเห็นอะไรบ้างไหมคะ ในเรื่องนี้

ผู้ฟัง ผมมาขออนุโมทนาเจ้าของจดหมายฉบับหลังนี่นะครับ เอ่อ ตามความเห็นของผมเนี่ย ผู้ที่เข้าใจธรรมะอย่างผิดๆ แล้วก็มีโอกาสมาเข้าใจถูกนี่ พันนึงจะหาซักหนึ่งคนก็ยังหายาก เพราะความรู้ของเค้า ความรู้ผิดๆ ของเค้าจะมาปิดความรู้ที่ถูก ตามที่ผมประสบมา ที่เคยพบมา ผู้ที่ผมก็รู้แล้วว่าคนนี้มีความรู้ผิด ข้อปฏิบัติของเค้าก็ผิด แล้ว (ผม) ก็จะพยายามอธิบายเพื่อให้เค้าเข้าใจถูก ทีนี้ ถ้าเราอธิบายไปเนี่ย บางสิ่งบางอย่าง ถ้าเค้าเห็นว่าสงเคราะห์กับของเค้าได้ เค้าก็พยายามรับรองว่า เอ้อ อย่างนี้ใช่ แล้วก็บางทีถ้าเราพูดบางสิ่งบางอย่างเนี่ย ที่ไม่เหมือนกับของเค้าเนี่ย เค้าจะไม่ได้ตั้งใจฟังเลยครับ แล้วหนำซ้ำ เค้าก็เอาความรู้ของเค้าเนี่ย แสดงออกมา พูดออกมา แล้วก็ทำให้เราพูดอะไรต่ออะไร เค้าไม่รู้เรื่องเลยแม้แต่นิดเดียว ความรู้เก่าๆ ของเค้าเนี่ย ผมถือว่าที่เค้าพูดอะไรต่ออะไรที่เค้ารู้นั่นหนะ รู้ผิดๆ นั่นหนะมาแย่งพูด พอมาแย่งพูดแล้ว เราจะพูดอะไรต่ออะไรเนี่ย เค้าไม่ได้ใส่หูเลยสักคำเดียว ผมถือว่าลักษณะเนี้ยนะครับ เป็นการปิดกั้น เป็นผู้ฟังที่ไม่ดี ไม่ได้ตั้งใจฟังเรื่องของเหตุของผล เพราะฉะนั้น ผู้นี้ก็เคยเห็นว่ามีความจำเป็นในสำนักปฏิบัติธรรม เป็นต้น แล้วภายหลัง (เขา) มาเห็นว่า สำนักปฏิบัติธรรมไม่จำเป็น ก็หมายความว่า ท่านเจ้าของจดหมายฉบับนี้ก็มีการฟังแล้วก็เข้าใจข้อปฏิบัติที่ถูกต้อง เพราะฉะนั้น ผมก็เลยขออนุโมทนาในที่นี้ด้วย

บรรยายโดย ... ท่าน อ. สุจินต์ บริหารวนเขตต์

ข้อความบางตอนจาก ... ชุดเทปวิทยุตอนที่ ๔๗๐


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
wannee.s
วันที่ 20 ก.พ. 2551

ละความไม่รู้ได้ด้วยปัญญา ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
ไม่มีเรา
วันที่ 30 ธ.ค. 2551

ขอโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ