ทุกอย่างเป็นไปตามเหตุปัจจัย
ถ้าทุกอย่าง เป็นไปตามเหตุปัจจัย เราก็ปล่อยให้เป็นไปตามกรรม หรือควรปฎิบัติ อย่างไร ช่วยชี้แนะด้วยครับ
ธรรมะทุกอย่างเป็นไปตามเหตุปัจจัย พูดแล้วก็ดูเหมือนกว้าง และอาจจะทำให้เราคิดว่าสรุปแล้วชีวิตนี้ ทำอะไรไม่ได้เลยหรือ? แต่ถ้าเราได้ศึกษาความเป็นปัจจัยของธรรมะในส่วนที่ละเอียดขึ้นแล้ว ก็จะเกิดความเข้าใจว่า ส่วนใหญ่ในชีวิตของผู้ที่เป็นปุถุชน วันหนึ่งๆ เป็นไปตามเหตุปัจจัยของอกุศลเหตุแทบจะทุกขณะ เกือบตลอดเวลา ยกเว้นเพียงตอนที่จิตเป็นชาติวิบาก กุศลหรือกิริยาเท่านั้น ขณะที่เป็นกรรมก็คือขณะที่เป็นกุศล หรืออกุศลนี้นี่เอง ส่วนขณะที่เป็นวิบากก็คือ ขณะที่เป็นผลของกุศลหรืออกุศลที่ได้กระทำเสร็จสิ้นแล้วในอดีต สุกงอมจึงให้ผล ขณะที่คิดว่าเป็นเรา ก็เป็นเราโดยไม่รู้ว่าเป็นเพราะอกุศลเหตุ เหตุนี้ การฟังพระธรรมเพื่อให้เข้าใจความจริงว่า ไม่มีเรา ไม่มีใคร จะที่ทำหรือไม่ทำ ปล่อยหรือไม่ปล่อยธรรมะอะไรได้ เมื่อธรรมะใดจะเกิดขึ้น ธรรมะนั้นก็ต้องเกิด ห้ามไม่ได้ แต่ปัญญาเข้าใจได้ ถ้าโลภะเกิด ใครสละสิ่งของหรือการ กระทำที่ติดมากๆ ในขณะนั้นได้ ถ้าโทสะเกิดใครเปลี่ยนสภาพของโทสะให้เป็นความร่าเริงยินดีได้ ถ้าจะต้องรับผลของอกุศลกรรมใด ใครเปลี่ยนให้เป็นการรับ แต่ผลของกรรมดีทันทีได้ เป็นต้น ซึ่งความเข้าใจในความเป็นธรรมะที่ชัดเจนขึ้น จะช่วยให้เกิดความเห็นถูก ไม่หลงผิดยืดถือสภาพธรรมะว่าเป็นเราได้อย่างค่อยเป็นค่อยไปทีละน้อยๆ และจะช่วยให้เป็นผู้ที่อาจหาญ ร่าเริงที่ได้เข้าใจธรรมะ โดยความเป็นธรรมะอย่างมั่นคงยิ่งขึ้น พระโสดาบันก็ยังมีโลภะ โทสะ โมหะ แต่ท่านไม่เข้าใจผิด หลงผิดว่าเวลาที่อกุศลเกิด อกุศลนั้นเป็นตัวท่านหรือว่าท่านจะต้องปล่อยให้เป็นอกุศล โดยที่ไม่ทำอะไร แต่ปัญญาของผู้ที่เป็นพระโสดาบันนั้นเองมีกิจ คือ ทำหน้าที่เห็นถูกว่า อกุศลก็เป็นสภาพธรรมอย่างหนึ่งเท่านั้น ถ้าไม่มีเหตุให้เกิดแล้ว ก็ไม่มีทางจะเกิดขึ้นเองได้ ธรรมะทั้งหลายเป็นอนัตตา
อนุโมทนาครับ