ธรรมย่อมทนต่อการพิสูจน์เสมอ
เมื่อได้ศึกษาชาดกอย่างละเอียดแล้ว ทำให้ได้ข้อคิดเป็นเครื่องเตือนใจได้อย่าง ดี พระธรรมที่พระผู้มีพระภาค ทรงแสดง เป็นไปเพื่อประโยชน์เกื้อกูล แก่พุทธ บริษัท ทุกยุค ทุกสมัย ไม่มีคำว่าล้าสมัย บัณฑิตในกาลก่อน เป็นผู้ทำอุปการะ ตอบแทน แก่บุคคลผู้ที่มีอุปการคุณ แก่ตนมาก่อนแล้ว ถึงบุคคลในสมัยนี้ ก็ (พึง) เป็นผู้ที่ทำอุปการะตอบแทน แก่บุคคลผู้ที่มีอุปการคุณแก่ตนมาก่อน ด้วย เช่นเดียวกัน สภาพธรรมเป็นสิ่งที่มีจริงไม่เปลี่ยนแปลงลักษณะ ความโกรธ หรือ แม้กระทั่งความเป็นผู้มีจิตใจที่ดีงาม ให้อภัยผู้อื่น จะเกิดขึ้นกับใครก็เหมือนกันทั้ง นั้น เพราะทั้งหมดเป็นธรรม บุคคลในสมัยนี้ ก็สามารถที่จะศึกษาพิจารณา ไตร่ตรองตาม พร้อมทั้งเจริญกุศลประการต่างๆ รวมถึงอบรมเจริญปัญญา เพื่อ ขัดเกลากิเลสของตนได้เหมือนๆ กัน ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับกำลังปัญญา ของแต่ละ บุคคลด้วย
"ธรรมย่อมทนต่อการพิสูจน์เสมอ"
บัณฑิต ไม่ลืมบุญคุณ แม้ผู้อื่นทำให้เพียงครั้งเดียว เช่น พระสารีบุตร ได้ข้าวทัพพีเดียว จากท่านราธะ ภายหลังท่านราธะ อยากจะบวชตอนแก่ ไม่มีใครบวชให้ พระสารีบุตร ระลึกถึงคุณของท่าน ก็บวชให้ ท่านเป็นผู้ว่าง่าย ต่อมาได้บรรลุเป็นพระอรหันต์ค่ะ
ความกตัญญูที่ประเสริฐ คือการประพฤติปฏิบัติ ตามคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า
ชื่อว่าเป็นผู้กตัญญูต่อพระรัตนตรัย
ขออนุโมทนาครับ
ขอสรรรเสริญความกตัญญู ต่อบุพการีของท่านพระสารีบุตรครับ การจะทดแทนบุญคุณบุพการีนั้น ทำดีที่สุดแม้แบกท่านบนบ่า ตลอดร้อยปีจนท่านตายก็ยังชื่อว่าทดแทนไม่หมด แต่จะทดแทนหมดสิ้นต้องให้ท่านบรรลุโสดาบัน เหมือนที่ท่านพระสารีบุตรไปโปรด มารดาของท่านก่อนที่ท่านจะปรินิพพานครับ จนบรรลุโสดาบันครับ